วันอาทิตย์นี้ตามเวลาในสหรัฐฯ ถือเป็นวันที่สองของการปิดการทำงานของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ บางส่วน ซึ่งหมายความว่าต้องรออย่างน้อยจนถึงหลังวันคริสต์มาส หรืออาจเป็นหลังวันปีใหม่ ที่รัฐสภาสหรัฐฯ และประธานาธิบดีทรัมป์ จะกลับมาเจรจากันเพื่อหาทางออกเรื่องงบประมาณค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ อีกครั้ง
ประเด็นที่ทำให้ร่างงบประมาณชั่วคราวไม่สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ทันกำหนดเส้นตายเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา คือ งบประมาณเบื้องต้น 5,700 ล้านดอลลาร์ สำหรับการก่อสร้างกำแพงตามแนวพรมแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก ซึ่งเป็นนโยบายที่ ปธน.ทรัมป์ รับปากไว้กับกลุ่มผู้สนับสนุนเขา ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตในวันอาทิตย์ว่า “วิธีเดียวที่จะยับยั้งการลักลอบขนส่งยาเสพติด ค้ามนุษย์ แก๊งค์อาชญากร และอาชญากรรมต่างๆ ไม่ให้ทะลักเข้ามาในอเมริกา คือการสร้างกำแพงหรือเครื่องกีดขวางตามแนวพรมแดน”
แต่รัฐสภาสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะรวมเงินก้อนนี้ไว้ในร่างงบประมาณชั่วคราวที่จะถูกใช้เป็นค่าใช้จ่ายของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ
การปิดการทำงานของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ บางส่วนครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อลูกจ้างของรัฐบาลอเมริกันราว 25% หรือมากกว่า 800,000 คน ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้ยังต้องทำงานต่อไปโดยที่ยังไม่ได้ค่าจ้าง
ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ในช่วง 5 ปีหลัง ที่มีการปิดการทำงานของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากที่รัฐสภาและรัฐบาลเมริกันไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องงบประมาณฉบับใหม่ก่อนเส้นตายที่กำหนดไว้
เมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความจากทำเนียบขาว ระบุว่าตนยังคงทำงานหนัก และได้ยกเลิกการเดินทางไปพักผ่อนที่บ้านพักส่วนตัวในรัฐฟลอริดาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้หารือในเรื่องงบประมาณและมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแนวพรมแดนกับบรรดาที่ปรึกษาและสมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วน
ขณะที่ ส.ว. มิทช์ แม็คคอนแนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ประกาศเลื่อนการประชุมหารือเรื่องร่างงบประมาณไปจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม และว่า ข้อตกลงใดๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากประธานาธิบดี ก่อนที่จะมีการลงมติในรัฐสภา
ด้าน ส.ว. ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงส่วนน้อยในวุฒิสภาสหรัฐฯ และ ส.ส.แนนซี่ เปโลซี่ ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต มีแถลงการณ์ร่วมในวันเสาร์ว่า
“พรรคเดโมแครตได้ยื่นข้อเสนอต่างๆ ให้พรรครีพับลิกันพิจารณาเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาล รวมถึงข้อเสนอหนึ่งที่ผ่านการรับรองของวุฒิสภา ซึ่งมีงบประมาณสำหรับการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็งตามแนวพรมแดนรวมอยู่ด้วย แต่ไม่ใช่งบประมาณสร้างกำแพงราคาแพงและไร้ประสิทธิผลดังที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการ และหากประธานาธิบดีทรัมป์และพรรครีพับลิกันยังคงยืนกรานให้ปิดการทำงานของหน่วยงานรัฐบาลต่อไป บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นเสียงส่วนมาก จะพยายามผ่านร่างกฎหมายให้มีการเปิดการทำงานของหน่วยงานรัฐบาลเหล่านั้นภายในเดือนมกราคม”
นั่นหมายความว่า หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ บางส่วนอาจต้องปิดทำการนานหลายสัปดาห์ จนกว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถตกลงกับรัฐสภาสหรัฐฯได้ ในประเด็นเรื่องงบประมาณก่อสร้างกำแพงดังกล่าว
ตั้งแต่ช่วงการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อสองปีก่อน โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวย้ำหลายครั้งว่า รัฐบาลเม็กซิโกจะเป็นผู้จ่ายเงินค่าก่อสร้างกำแพง ซึ่งสมาชิกพรรคเดโมแครตได้ออกมาทวงถามคำสัญญาที่ว่านี้
อย่างไรก็ตาม ทางทำเนียบขาวระบุว่า เวลานี้รัฐบาลเม็กซิโกกำลังช่วยจ่ายค่ากำแพงนั้นแบบทางอ้อม คือจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีแถบอเมริกาเหนือฉบับใหม่ ระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา
(ผู้สื่อข่าว Michael Bowman รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)