รองปธน.แฮร์ริส ชูประเด็นสิทธิมนุษยชนระหว่างเยือนกรุงฮานอย

U.S. Vice President Kamala Harris meets with activists who work on LGBT, transgender, disability rights and climate change at the U.S. Chief of Mission's residence in Hanoi, Vietnam, Aug. 26, 2021.

รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส ยกประเด็นสิทธิมนุษยชนขึ้นมาหารือกับผู้นำเวียดนามระหว่างการเยือนกรุงฮานอยในวันพฤหัสบดี

รองปธน.แฮร์ริส กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงฮานอยว่า ได้มีการหารือเรื่องการปล่อยตัวนักโทษการเมืองในเวียดนาม แต่ไม่ได้เปิดเผยผลการเจรจาดังกล่าว โดยรองปธน.แฮร์ริสเพียงแต่บอกว่า สหรัฐฯ จะต้องหยิบยกเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนนี้ขึ้นมาพูดต่อไป

ที่ผ่านมา เวียดนามถูกตำหนิวิจารณ์จากประชาคมโลกในเรื่องการจำกัดเสรีภาพของการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพของสื่อมวลชน และการปราบปรามจับกุมบรรดาผู้เห็นต่างทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมสหรัฐฯ จึงวิพากษ์วิจารณ์จีนในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่กลับต้องการสานสัมพันธ์ที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นกับเวียดนามซึ่งมีปัญหาสิทธิมนุษยชนเช่นกัน ซึ่งรองปธน.แฮร์ริสตอบเลี่ยง ๆ ว่า "บางครั้งก็จำเป็นต้องพูดในประเด็นที่ยาก ๆ กับพันธมิตร ซึ่งสหรัฐฯ เองก็ถือเป็นมิตรประเทศของเวียดนาม"

การเยือนกรุงฮานอยถือเป็นกำหนดการสุดท้ายของรองปธน.สหรัฐฯ ในการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สองประเทศในครั้งนี้ โดยก่อนหน้านี้ รองปธน.แฮร์ริส ได้พบปะกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสิงคโปร์ในความพยายามต้านทานการขยายอำนาจของจีนในภูมิภาคนี้

รองปธน.แฮร์ริส กล่าวว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงหลายประการกับทั้งสิงคโปร์และเวียดนาม รวมถึงการเพิ่มความร่วมมือด้านการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์

นอกจากนี้ สหรัฐฯ จะส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมในรูปของวัคซีนโควิดของบริษัทไฟเซอร์ให้แก่เวียดนามเป็นจำนวน 1 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้วัคซีนทั้งหมดที่สหรัฐฯ มอบให้กับเวียดนามเพิ่มเป็น 6 ล้านโดส รวมทั้งเงินช่วยเหลืออีก 23 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยในการแจกจ่ายและฉีดวัคซีนในเวียดนาม

และกระทรวงกลาโหมอเมริกันยังส่งมอบตู้แช่แข็ง 77 ตู้ ให้แก่ทางการเวียดนามเพื่อใช้ในการเก็บรักษาวัคซีนดังกล่าวด้วย

(ข้อมูลบางส่วนจากสำนักข่าวเอพี)