ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รองปธน.แฮร์ริส ถึงเวียดนามช้ากว่ากำหนด ท่ามกลางรายงาน "ฮาวานา ซินโดรม"


US Vice President Kamala Harris departs Singapore for Vietnam, Aug. 24, 2021.
US Vice President Kamala Harris departs Singapore for Vietnam, Aug. 24, 2021.

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังคงสืบสวนรายงานที่ว่ามีเจ้าหน้าที่อเมริกันสองคนล้มป่วยด้วยอาการที่เรียกว่า "ฮาวานา ซินโดรม" (Havana Syndrome) ซึ่งทำให้การเดินทางเยือนเวียดนามของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส ต้องล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม

มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่อเมริกันสองรายล้มป่วยด้วยอาการที่ไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในส่วนใด โดยการสืบสวนเรื่องนี้ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังมิได้ยืนยันรายงานเรื่องบุคคลล้มป่วยด้วยอาการฮาวานา ซินโดรม อย่างเป็นทางการ พร้อมระบุว่าไม่เกี่ยวข้องกับคณะเจ้าหน้าที่ที่ร่วมเดินทางมากับรองประธานาธิบดีแฮร์ริสแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จ้าหน้าที่ได้รับประกันความปลอดภัยสำหรับรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเยือนกรุงฮานอยในวันพุธ

โฆษกทำเนียบขาว เจน ซากี กล่าวเมื่อวันอังคารว่า "ได้มีการตรวจสอบด้านความปลอดภัยสำหรับรองประธานาธิบดีแล้ว และมีการตัดสินใจว่ารองปธน.แฮร์ริส ควรเดินทางเยือนเวียดนามตามกำหนดการที่วางไว้"

อาการป่วยที่ยังไม่สามารถอธิบายที่มาและสาเหตุได้นี้ เริ่มพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2016 ที่สถานทูตอเมริกันในกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา เมื่อมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯ ในคิวบา และครอบครัว รวมจำนวน 22 คน มีการเจ็บป่วยปริศนา เช่น สูญเสียการได้ยิน ปวดเวียนศีรษะ มีปัญหาด้านการทรงตัว อ่อนเพลีย มีปัญหาด้านการรับรู้ และมีปัญหาการนอนหลับ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดขึ้นนานราว 10 เดือน

ต่อมาพบอาการป่วยลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีกกับเจ้าหน้าที่การทูตอเมริกันที่ประเทศจีน รัสเซีย เยอรมนี ออสเตรีย และประเทศอื่น ๆ ซึ่งคณะกรรมการของสถาบันวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และการแพทย์แห่งชาติ ระบุว่า แรงสั่นสะเทือนจากคลื่นวิทยุน่าจะเป็นสาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดของอาการป่วยดังกล่าว

รองปธน.แฮร์ริสเริ่มภารกิจทันทีเมื่อถึงกรุงฮานอย

ในวันพุธ รองปธน.แฮร์ริส ได้พบกับเจ้าหน้าที่การทูตอเมริกันในกรุงฮานอยเพื่อลงนามในสัญญาเช่าอาคารสถานทูตสหรัฐฯ แห่งใหม่ พร้อมแสดงความขอบคุณและชื่นชมต่อบรรดาเจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐฯ ทั่วโลก

รองปธน.แฮร์ริส ยังได้ย้ำว่า สหรัฐฯ จะส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมในรูปของวัคซีนโควิดของบริษัทไฟเซอร์ให้แก่เวียดนามเป็นจำนวน 1 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้วัคซีนทั้งหมดที่สหรัฐฯ มอบให้กับเวียดนามเพิ่มเป็น 6 ล้านโดส

รวมทั้งเงินช่วยเหลืออีก 23 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยในการแจกจ่ายและฉีดวัคซีนในเวียดนาม นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมอเมริกันยังส่งมอบตู้แช่แข็ง 77 ตู้ ให้แก่ทางการเวียดนามเพื่อใช้ในการเก็บรักษาวัคซีนดังกล่าวด้วย

XS
SM
MD
LG