กองทัพอิสราเอลรายงานในวันอังคารว่า มีการต่อสู้ดุเดือดต่อเนื่องในเมืองคานยูนิสของฉนวนกาซ่า ขณะที่ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงคะแนนเสียงต่อมติเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันทีในสงครามอิสราเอล-กาซ่า พร้อม ๆ กับการเพิ่มการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่สงครามและปฏิเสธการบังคับให้ชาวปาเลสไตน์กลายเป็นผู้พลัดถิ่นด้วย
การพิจารณาข้อเสนอหยุดยิงที่จัดทำโดยแอลจีเรียได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น 13 ประเทศ ขณะที่ อังกฤษงดออกเสียง และลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ลงมติวีโต้ ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า “การเรียกร้องให้มีการหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขและในทันที โดยปราศจากการทำข้อตกลงให้ฝ่ายฮามาสปล่อยตัวประกัน จะไม่นำมาซึ่งสันติภาพอันยั่งยืน”
นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่สหรัฐฯ ใช้สิทธิ์วีโต้มาตรการหยุดยิงในกาซ่า
Your browser doesn’t support HTML5
การเจรจาประเด็นนี้ที่ดำเนินมาหลายสัปดาห์ที่มีสหรัฐฯ อียิปต์และกาตาร์เกี่ยวข้อง ประสบความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงที่จะนำมาซึ่งการหยุดพักการต่อสู้ในกาซ่าและการปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่
โธมัส-กรีนฟิลด์ กล่าวว่า ข้อเสนอของแอลจีเรียอาจ “ยืดระยะเวลาการต่อสู้ระหว่างฮามาสและอิสราเอล ยืดเวลาที่ตัวประกันถูกควบคุมตัวต่อไป ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่อดีตตัวประกันระบุว่า “เหมือนนรก” และยืดเวลาของวิกฤตด้านมนุษยธรรมอันเลวร้ายที่ชาวปาเลสไตน์กำลังประสบในกาซ่าด้วย” พร้อมเสริมว่า “ไม่มีใครต้องการเช่นนั้น”
แอลจีเรียยื่นร่างข้อเสนอหยุดยิงของตนให้กับคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน และกระบวนการลงมติถูกเลื่อนออกไปเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจากันเพิ่มเติม
ก่อนการลงคะแนนเสียงในวันอังคาร สหรัฐฯ แจกร่างมติที่ตนร่างขึ้นใหม่ให้กับสมาชิกคณะมนตรียูเอ็น และผู้สื่อข่าว วีโอเอ ก็ได้เห็นเอกสารดังกล่าวที่มีเนื้อหาเน้นให้มีการปล่อยตัวประกันที่กลุ่มฮามาสควบคุมตัวไว้อยู่และระบุถึง “ความจำเป็นเร่งด่วนให้มีการจัดทำแผนที่ปฏิบัติได้จริง” เพื่อปกป้องพลเรือนจากการบุกรุกคืบเข้ามาในเมืองราฟาห์ของกองทัพอิสราเอล
ข้อเสนอของสหรัฐฯ นั้น “เน้นย้ำว่า การรุกคืบภาคพื้นดินครั้งใหญ่เช่นนั้นไม่ควรเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ดังเช่นในปัจจุบัน” และ “ปฏิเสธความพยายามใด ๆ ก็ตามที่จะบีบให้ประชากรพลเรือนในกาซ่ากลายมาเป็นผู้พลัดถิ่น”
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ไม่ได้ระบุเงื่อนเวลาว่าจะนำเสนอร่างมติของตนให้กับคณะมนตรีความมั่นคงพิจารณาเมื่อใด ขณะที่ เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งของรัฐบาลกรุงวอชิงตันกล่าวว่า สหรัฐฯ จะให้เวลาแก่คณะมนตรีฯ เพื่อเจรจาในส่วนของเนื้อหาก่อน และไม่มีแผนที่จะเสนอให้มีการลงมติในเร็ว ๆ นี้
อิสราเอลได้เตือนว่า ตนมีแผนที่จะทำการโจมตีรุกเข้าไปในราฟาห์ ซึ่งอยู่ทางใต้สุดของกาซ่าและติดกับชายแดนอียิปต์ ที่มีพลเรือนชาวปาเลสไตน์ราว 1.5 ล้านคนลี้ภัยสงครามมาพักพิงอยู่
เจ้าหน้าที่อิสราเอลกล่าวว่า ปฏิบัติการในราฟาห์นั้น คือส่วนที่พุ่งเป้าจัดการกับสมาชิกกลุ่มฮามาสในพื้นที่เป็นหลัก และยังพูดถึงแผนการอพยพพลเรือนในพื้นที่ด้วย แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดใด ๆ
ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นเน้นย้ำมาเสมอว่า ไม่มีที่ใดในกาซ่าที่ปลอดภัยพอจะให้พลเรือนชาวปาเลสไตน์หลบหนีไปพักพิงได้อีกแล้ว
อียิปต์ก็คัดค้านการอพยพชาวปาเลสไตน์เข้ามาอาศัยในเขตแดนของตน โดยให้เหตุผลว่า การทำเช่นนั้นจะนำไปสู่การบีบให้เกิดผู้พลัดถิ่นเพิ่มขึ้น แต่อิสราเอลปฏิเสธว่า นั่นคือความตั้งใจของแผนการนี้
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า อียิปต์เริ่มสร้างโซนเขตกันชนความปลอดภัยสูงใกล้ ๆ กับแนวชายแดนติดกับกาซ่าแล้ว หากเกิดการหลั่งไหลเข้ามาของผู้อพยพ
ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวในวันอังคารว่า เจ้าหน้าที่ของตนช่วยดำเนินการอพยพผู้ป่วยหนัก 32 คนจากโรงพยาบาลนาสเซอร์ ในคานยูนิส “ท่ามกลางภาวะการสู้รบที่ยังดำเนินอยู่และการจำกัดการเข้าถึงต่าง ๆ”
WHO เปิดเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือย้ายตัวผู้ป่วย หลังเกิดการบุกค้นของกองทัพอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งทำให้พื้นที่โรงพยาบาล “ใช้งานไม่ได้” ไปแล้ว
- ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี รอยเตอร์และเอเอฟพี