Your browser doesn’t support HTML5
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าววันพฤหัสบดีว่า คำสั่งฝ่ายบริหารใหม่ยกเลิกแนวทางเรื่องการออกวีซ่าในยุครัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา
รัฐบาลใหม่ยกเลิกส่วนของกฎระเบียบที่เคยเปิดทางให้เร่งออกวีซ่าได้สำหรับคนเข้าเมืองหลายกลุ่มรวมถึงนักเรียนและนักท่องเที่ยว
การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มการตรวจสอบประวัติบุคคลเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ากระบวนการออกวีซ่าจะใช้เวลายาวนานมากขึ้นเท่าใด
คำสั่งสมัยประธานาธิบดีโอบามาระบุให้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกสัมภาษณ์ผู้ยื่นขอวีซ่าภายใน 3 สัปดาห์
ผู้ช่วยโฆษกทำเนียบขาวไมเคิ่ล ชอร์ท บอกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ถอนการกำหนดเงื่อนไขนี้ออกไป และอธิบายเพิ่มว่าประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้กระบวนการออกวีซ่ามีความรอบคอบและถูกต้อง แทนที่จะรีบออกภายใต้เส้นตายที่กำหนดตามแนวทางเดิม
คำสั่งฝ่ายบริหารที่ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในวันพุธ สะท้อนถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของประธานาธิบดีทรัมป์ให้มีการตรวจสอบคนเข้าเมืองด้วยแนวทาง “extreme vetting” เพื่อคัดกรองคนเข้าสหรัฐฯ ด้วยมาตรการรัดกุมขั้นสูงสุด
เมื่อเดือนมีนาคม ประธานาธิบดีทรัมป์ออกคำสั่งฝ่ายบริหารซึ่งต่อมาถูกศาลสั่งระงับ เรื่องการห้ามประชาชนจากประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า การยกเลิกข้อกำหนดด้านเวลาจากสมัยประธานาธิบดีโอบามา ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น กรณีที่ทางการเห็นว่าเหมาะสมที่จะใช้เวลามากขึ้น ซึ่งรวมถึงการตรวจประวัติด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง
ไม่นานนี้ทางการสหรัฐฯ ขยายการตรวจสอบผู้ที่ขอวีซ่า ซึ่งรวมถึงการขอชื่อผู้ใช้ในบัญชีโซเชี่ยลมีเดียช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และข้อมูลประวัติเพิ่มเติมในช่วง 15 ปีก่อนหน้าการยื่นขอวีซ่าอีกด้วย
(รายงานโดย Victoria Macchi / รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียง)