ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ว่า จะสะสางปัญหาการออกวีซ่าให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงาน ที่ส่งผลให้ชาวอเมริกันถูกตัดโอกาสให้ได้รับงาน
แม้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ระบุอย่างเฉพาะเจาะจงว่าระเบียบการให้วีซ่าแบบใดที่ตนต้องการเข้าแก้ไขคืออะไร แต่ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่าวีซ่าที่ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษคือวีซ่า H1B
แม้ H1B เป็นเพียงหนึ่งในวีซ่ากว่า 20 ประเภทที่นายจ้างสามารถออกให้กับชาวต่างชาติเพื่อให้คนเหล่านี้เข้ามาทำงานในอเมริกา แต่วีซ่าชนิดนี้ถูกใช้บ่อยครั้งเพื่อสนับสนุนการจ้างแรงงานที่ต้นทุนถูกกว่าสำหรับผู้ประกอบการ
อาจารย์ Ron Hira จากมหาวิทยาลัย Howard ที่กรุงวอชิงตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายคนต่างด้าว ประเมินว่าปัญหาการใช้ H1B เพื่อจ่ายค่าแรงถูกให้กับชาวต่างประเทศ เกิดขึ้นเกือบถึงสองในสามของโควต้า H1B ที่รัฐบาลออกให้แรงงานต่างด้าว 85,000 ราย ในแต่ละปี
ตามเจตนารมณ์ของวีซ่าประเภทนี้ H1B เป็นช่องทางให้บริษัทอเมริกันสามารถรับคนงานต่างด้าวที่มีทักษะเฉพาะ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี เข้าทำงานและเป็นฟันเฟืองช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ด้วยความชำนาญพิเศษของคนเหล่านี้
แต่อาจารย์ Hira กล่าวว่า บ่อยครั้งที่อนาคตสำหรับการอยู่ในสหรัฐฯ ของคนต่างชาติ ถูกผูกติดกับนายจ้างอย่างมาก ความสัมพันธ์ลักษณะนี้จึงเปิดโอกาสให้ผู้ถือวีซ่า H1B ถูกเอาเปรียบโดยนายจ้าง
และเมื่อพิจารณาถึงผู้ที่อาจมีส่วนกำหนดโนบายคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ วีซ่า H1B จึงถูกมองว่าเป็นปัญหามากมาย ตามการวิเคราะห์ของ Roy Beck หัวหน้ากลุ่ม Numbers USA แห่งกรุงวอชิงตัน
เขากล่าวว่า หากทรัมป์ต้องการปฏิรูปการออกวีซ่า H1B ว่าที่ประธานาธิบดีผู้นี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากรัฐสภา โดย Roy Beck ประเมินว่า สภาสหรัฐฯ ที่พรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมากอยู่ น่าจะมีโอกาสเห็นด้วยกับแนวทางของโดนัลด์ ทรัมป์
เรื่องนี้สร้างความกังวลใจต่อผู้ถือวีซ่า H1B จำนวนไม่น้อย เพราะหากไม่มีการสะดุดกลางคัน วีซ่าชนิดนี้จะมีอายุ 6 ปีและบางครั้งนำไปสู่การได้สิทธิ์เป็นผู้พำนักถาวรในอเมริกาหรือที่เรียกว่า “ได้ใบเขียว”
แนวทางหนึ่งสำหรับเปลี่ยนกฎการให้ H1B คือการเพิ่มระดับเงินเดือนของผู้มีสิทธิ์ถือวีซ่าชนิดนี้ เป็นต้นว่าให้สูงอยู่ที่ระดับ 100,000 ดอลลาร์ต่อปี เพื่อลดจำนวนผู้มีสิทธิ์ขอรับ H1B
อย่างไรก็ตาม Alex Nowrasteh นักวิเคราะห์จากสถาบัน CATO Institute กล่าวว่า หากตั้งระดับเงินเดือนเช่นนั้น โครงการออกวีซ่า H1B จะลดขนาดลงอย่างมาก และนั่นอาจสร้างความเสียหายให้กับหลายอุตสาหกรรม รวมถึงกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีที่เป็นกลไกที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอเมริกัน
(รายงานโดย William Gallo / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)
