Your browser doesn’t support HTML5
เกาหลีเหนือ เตือนสหรัฐฯ ว่า อย่าตีความหมายของความพยายามให้เกิดสันติภาพของเกาหลีเหนือว่าเป็น “ความอ่อนแอ” พร้อมยืนยันว่าแรงกดดันทางการเมืองและมาตรการลงโทษขั้นสูงสุดของสหรัฐฯ มิใช่ปัจจัยที่ทำให้เกาหลีเหนือยอมกลับเข้าสู่การเจรจาด้านนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ
ในขณะที่เหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์ที่กำหนดการเจรจาครั้งแรกระหว่าง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กับผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน กำลังจะมีขึ้น
กรุงเปียงยางได้ออกมาวิจารณ์คำกล่าวอ้างของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ว่าเป็นเพราะแรงกดดันทางการเมืองและมาตรการลงโทษขั้นสูงสุดของสหรัฐฯ ที่ทำให้เกาหลีเหนือยินยอมกลับสู่โต๊ะเจรจาว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ในวันอาทิตย์ สำนักข่าวของทางการกรุงเปียงยาง รายงานอ้างคำพูดของรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ ที่เตือนว่า คำกล่าวอ้างของสหรัฐฯ นั้นเป็นอันตรายต่อความพยายามของผู้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ที่ต้องการสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่ผู้นำทั้งสองได้พบเจรจากันที่พรมแดนของสองประเทศเมื่อเดือนที่แล้ว
ในการเจรจาดังกล่าว ผู้นำคิม จอง อึน รับปากว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์ของสองเกาหลี และระบุด้วยว่ายินดีที่จะมีการเจรจาเรื่องการลดอาวุธนิวเคลียร์ โดยที่ยังไม่มีการตั้งเงื่อนไขใดๆ จนถึงเวลานี้
ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ต่างกล่าวว่า มาตรการที่เข้มแข็งที่สหรัฐฯ ใช้กับเกาหลีเหนือ รวมทั้งการกดดันผ่านทางจีน คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจา
แต่คำแถลงของเกาหลีเหนือในวันอาทิตย์ กลับมุ่งไปที่การสร้างภาพลักษณ์และจุดยืนที่เข้มแข็งของผู้นำคิม จอง อึน ก่อนหน้าการเจรจาครั้งสำคัญกับ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ โดยระบุว่า ผู้นำคิมคือผู้ควบคุมสถานการณ์ในขณะนี้ และว่าสหรัฐฯ กำลังยั่วยุเกาหลีเหนือในช่วงที่กำลังเกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพและความปรองดองบนคาบสมุทรเกาหลี
โฆษกของรัฐบาลกรุงเปียงยางกล่าวด้วยว่า กิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ บนคาบสมุทรเกาหลี และการที่สหรัฐฯ ออกมากล่าวถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ ก็ยิ่งเป็นการรบกวนกระบวนการสันติภาพนี้เช่นกัน
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ได้ตกลงกันเรื่องวัน เวลา และสถานที่ในการจัดประชุมสุดยอดระหว่างตนกับผู้นำคิมแล้ว แต่ผู้นำสหรัฐฯ มิได้เผยรายละเอียดที่ว่านี้
และก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ เคยระบุชื่อเขตปลอดทหารบริเวณพรมแดนเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ว่าอาจเป็นที่จัดการเจรจาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่การเจรจาระหว่าง ปธน.ทรัมป์ กับผู้นำคิม จะเกิดขึ้นในปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้า รัฐบาลสหรัฐฯ ก็กำลังพยายามหาทางให้เกาหลีเหนือปล่อยตัวนักโทษการเมืองชาวอเมริกัน 3 คนออกมาเสียก่อน ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่าทั้งสามคนถูกนำตัวไปยังกรุงเปียงยางแล้ว แต่ยังไม่มีรายงานระบุถึงการปล่อยตัวแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวยืนยันว่า การเจรจาระหว่าง ปธน.ทรัมป์ กับ ปธน.มูน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ จะมีขึ้นตามกำหนดการเดิมที่วางไว้ คือในวันที่ 22 พ.ค.นี้
(ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงรายงานจาก Smita Nordwell)