ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือนตุลาคมส่งสัญญาณบวก-ขยายตัว 1.3%

Retail Sales

ผู้บริโภคชาวอเมริกันเริ่มกลับมาใช้จ่ายมากขึ้นในเดือนตุลาคม ส่งสัญญาณบวกให้กับภาคธุรกิจค้าปลีกในช่วงที่ฤดูกาลช้อปปิ้งส่งท้ายปีกำลังใกล้เข้ามา แม้ภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่ ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี

ข้อมูลอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ ที่ได้รับการเปิดเผยออกมาในวันพุธชี้ว่า ยอดค้าปลีกในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 1.3% จากเดือนกันยายนซึ่งเป็นเดือนที่ตัวเลขค้าปลีกทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า โดยการปรับขึ้นครั้งนี้เป็นผลมาจากยอดขายรถและราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น

และแม้ไม่นับรวมปัจจัยทั้งสองนี้ ตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนตุลาคม

นักเศรษฐศาสตร์จาก TD Securities กล่าวว่า ยอดขายรถที่พุ่งขึ้นนั้นน่าจะเป็นเพราะพายุเฮอริเคนเอียนที่ถล่มสหรัฐฯ ในช่วงปลายเดือนกันยายนและทำลายรถไปถึงราว 70,000 คัน

รายงานนี้ชี้ด้วยว่า แม้จะคิดคำนวณผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อแล้ว ยอดใช้จ่ายของชาวอเมริกันยังแสดงการขยายตัวอย่างเป็นรูปธรรม โดยปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขนี้ปรับเพิ่มขึ้นมีอาทิ การว่าจ้างงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ค่าแรงที่ปรับขึ้น และการออมเงินที่มากขึ้นด้วย ขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์บางรายให้ความเห็นเพิ่มว่า สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในเดือนที่แล้วน่าจะเป็นการที่แอมะซอนจัดโปรโมชั่น Prime Day และการที่รัฐแคลิฟอร์เนียส่งเช็คช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบเงินเฟ้อมูลค่า 1,050 ดอลลาร์ให้กับประชาชนในรัฐของตน

และขณะที่มีความกังวลเกี่ยวกับรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภคอเมริกันที่หันมาพึ่งบัตรเครดิตมากขึ้นในช่วงที่ภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขล่าสุดที่รัฐบาลรายงานออกมาชี้ให้เห็นว่า สภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดไว้แล้ว อย่างเช่น มอร์แกน สแตนลีย์ ที่ปรับการคาดการณ์จีดีพีในไตรมาสสุดท้ายของปีจาก 0.7% ขึ้นเป็น 1.7% แล้ว

  • ที่มา: เอพี