ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันพุธอีก 0.75% เพื่อหวังสกัดแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงในเวลานี้
ภายหลังการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุด อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.25% และ 2.5% ขณะที่ มีการคาดการณ์ว่า เฟดจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยจนถึง 3.4% ภายในสิ้นปีนี้
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวในวันพุธว่า “การปรับขึ้นในอัตราที่สูงกว่าปกติอีกครั้งหนึ่งเป็นเรื่องที่สมควรยิ่ง” ในการประชุมของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน
รายงานข่าวระบุว่า สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายดอกเบี้ยของเฟดทั้ง 12 คนมีมติเป็นเอกฉันท์เพื่อปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่า สมาชิกสภาคองเกรสจะออกมาแสดงความกังวลว่า สภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ เฟด ทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งขันที่สุดนับตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1980 และประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาแล้วถึง 4 ครั้งติดต่อกันตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งในเวลานั้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อยู่ที่ใกล้ระดับเกือบ 0%
การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนั้นส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนการกู้ยืมทั้งสำหรับธุรกิจและสำหรับผู้บริโภคเพื่อใช้ในการซื้อรถ และสำหรับสินค้าต่าง ๆ โดยระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ เชื่อว่า สถานการณ์เช่นนั้นจะทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจลดการใช้จ่าย ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลงได้
อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ พุ่งถึง 9.1% ในเดือนมิถุนายน โดยระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงที่สุดของประเทศในรอบกว่า 40 ปี
- ที่มา: วีโอเอ