ประชาชนทั่วโลกเข้าร่วมกับผู้ชุมนุมในสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ชนผิวสี หลังการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ วัย 46 ปี ที่ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว ทำให้เกิดการเดินขบวนรวมทั้งเหตุรุนแรงทั่วสหรัฐฯ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
แม้ว่าทั่วโลกยังอยู่ในภาวะที่ต้องคอยระวังภัยจากการระบาดของโควิด-19 ประชาชนในหลายประเทศเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อประณามการกระทำอันรุนแรงกว่าเหตุโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหรัฐฯ ดังเช่นที่นิวซีแลนด์ ซึ่งผู้คนหลายพันคนรวมตัวกันเดินขบวนในเมืองออคแลนด์ ในวันจันทร์ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้ประท้วงในสหรัฐฯ
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการชุมนุมแบบสงบที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ขณะที่ ประชาชนในอังกฤษรวมตัวประท้วงในหลายจุดเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อสนับสนุนการเรียกร้องความเป็นธรรมในสหรัฐฯ โดยมีทั้งการชุมนุมอย่างสงบ และรายงานการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่หน้าอาคารรัฐสภาอังกฤษ ส่งผลให้มีผู้ถูกจับกุมไป 23 คน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ โดมินิค ราบ กล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษต้องการที่จะเห็นสถานการณ์ความตึงเครียดในสหรัฐฯ ลดลง เพื่อให้ชาวอเมริกันทั้งหลายได้หันหน้าเข้าหากันโดยเร็ว
ขณะเดียวกับ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกคำเตือนให้ประชาชนของตนในประเทศต่างๆ ระวังเหตุการณ์ประท้วง ดังเช่น ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ และนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่มีรายงานการชุมนุมของผู้คนเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ แล้ว
ยกตัวอย่างเช่น ในคำเตือนของสถานทูตสหรัฐฯ และสถานกงสุลประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนชาวอเมริกัน ได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงพื้นที่การชุมนุมทั้งหลาย และใช้ความระมัดระวังในการเดินทางไปที่ต่างๆ เพราะแม้การชุมนุมอาจจะเป็นไปอย่างสงบในช่วงแรก แต่ก็มีโอกาสยกระดับเป็นเหตุรุนแรงได้