ข้อมูลล่าสุด! กลาโหมสหรัฐฯเผยเกิดระเบิด “เพียงครั้งเดียว” นอกสนามบินกรุงคาบูลวานนี้

A Taliban fighter stands guard at the site of the August 26 twin suicide bombs, which killed scores of people including 13 US troops, at Kabul airport on August 27, 2021. (Photo by WAKIL KOHSAR / AFP)

เมื่อวันศุกร์ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เหตุระเบิดสะเทือนขวัญบริเวณนอกสนามบินในกรุงคาบูล ที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 100 คน เมื่อวันพฤหัสบดี เกิดขึ้นจากเหตุระเบิดพลีชีพหนึ่งครั้ง ไม่ใช่สองครั้งตามที่เข้าใจกันก่อนหน้านี้

พลเอกแฮงค์ เทเลอร์ แห่งกองทัพบกสหรัฐฯ ให้เหตุผลว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้มีการได้รับข้อมูลที่สับสนบิดเบือน ขณะที่จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ เชื่อว่ายังคงมีภัยคุกคามอื่นต่อสนามบินดังกล่าว และสหรัฐฯ เตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ทางด้านสนามบินในกรุงคาบูล ผู้คนกระจุกตัวกันที่บริเวณนอกสนามบินขณะที่เที่ยวบินอพยพกลับมาทำการเป็นปกติเมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม สื่อเดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ผู้คนส่วนใหญ่ออกจากบริเวณดังกล่าวในเวลาต่อมาหลังมีข่าวลือว่าอาจเกิดเหตุก่อการร้ายขึ้นอีกครั้ง

สื่ออัฟกัน Pajhwok รายงานว่า มีชาวอัฟกันเสียชีวิตอย่างน้อย 90 คน และมีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 100 คน รวมถึงทหารอเมริกัน 13 คน

กลุ่มรัฐอิสลามอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุดังกล่าวผ่านทางสื่อของทางกลุ่มในแอปพลิเคชั่นเทเลแกรม เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุระเบิดบริเวณใกล้กับประตูแอบบี้ เกท ของสนามบินนานาชาติฮามิด คาร์ไซ และบริเวณโรงแรมใกล้กับสนามบิน พลเอกแฟรงค์ แม็คเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการภูมิภาคเอเซียกลางและตะวันออกกลางยังระบุด้วยว่า มีเหตุยิงปืนปะทะกันหลังเกิดเหตุระเบิดดังกล่าว

กลุ่มรัฐอิสลามสาขาโคราซาน หรือ ไอซิส-เค ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ระบุว่า จะตอบโต้ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ โดยกล่าวว่า “เราจะไม่ยกโทษให้คุณ เราจะตามล่าคุณและทำให้คุณต้องชดใช้เรา” เขายังได้สั่งการผู้บังคับบัญชาการกองทัพให้วางแผนปฏิบัติการโจมตีฐานทัพของไอซิส-เค แล้ว

Taliban

เหตุระเบิดนี้เป็นเหตุนองเลือดของกองทัพสหรัฐฯ ครั้งรุนแรงที่สุดในรอบสิบปี และเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของ ปธน. ไบเดนตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ มาเจ็ดเดือน ทำให้เขาต้องเลื่อนกะทันหัน กำหนดการพบนายกรัฐมนตรีนัฟตาลี เบนเนตต์ ของอิสราเอล ที่เดินทางเยือนสหรัฐฯ

เมื่อวันศุกร์ ทำเนียบขาวระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม ซึ่งเป็นเวลาหนึ่งวันก่อน ที่กลุ่มตาลิบันเข้าบุกยึดกรุงคาบูล มีผู้คนราว 105,000 คนเดินทางออกจากอัฟกานิสถานด้วยเที่ยวบินอพยพ และหากนับถึงช่วงปลายเดือนกรกฎาคม มีผู้อพยพออกมาแล้วทั้งสิ้นราว 110,600 คน และมีผู้อพยพออกจากกรุงคาบูลแล้วราว 12,500 คนนับตั้งแต่วันพฤหัสบดี

เมื่อวันพฤหัสบดี ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่า จะเดินหน้าอพยพผู้คนออกมาจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งเป็นเส้นตายในการถอนกองกำลังทั้งหมดออกจากอัฟกานิสถาน เขายังยืนยันด้วยว่า จะช่วยชาวอเมริกันทั้งหมดที่ต้องการอพยพให้ออกมาได้

(ข้อมูลบางส่วนจาก The Wall Street Journal, The Associated Press, Agence France-Presse และ Reuters)