ในช่วงเย็นวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวประณามกลุ่มที่ก่อการร้ายด้วยการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายด้านนอกสนามบินกรุงคาบูล อัฟกานิสถาน ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS)
ผู้นำสหรัฐฯ บอกว่า มีเหตุผลให้เชื่อว่าผู้นำกลุ่ม ISIS เป็นคนสั่งการ และว่า อเมริกาจะใช้สรรพกำลังทั้งหมดที่มีตามล่าเเละจัดการผู้ก่อเหตุ เขาบอกว่าจะเป็นการตอบโต้ในเวลาและสถานที่ที่อเมริกาเป็นคนเลือก และจะทำอย่างแม่นยำ
ปธน.ไบเดน กล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ จะยังคงปฏิบัติภารกิจ อพยพคนออกจากอัฟกานิสถานจนสำเร็จ
ทางเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส กล่าวประณามเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้เช่นกัน ตามรายงานของโฆษกสหประชาชาชาติ
เจ้าหน้าที่ของรัสเซียและกลุ่มตาลิบัน รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คนในเหตุการณ์ระเบิดสองครั้ง ซึ่งนายกูเตอร์เรสระบุว่าเป็น "การก่อการร้าย" ในช่วงที่ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินทางไปที่สนามบินกรุงคาบูลเพื่อหาทางหนีออกจากอัฟกานิสถานที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของตาลิบันอีกครั้ง
โฆษกของยูเอ็น สเตเฟน ดูจาร์ริค แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเน้นย้ำให้เห็นถึงความผันผวนของสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน และยิ่งเน้นให้เห็นถึงความจำเป็นในการจัดส่งความช่วยเหลือฉุกเฉินไปให้แก่ชาวอัฟกันทั่วประเทศด้วย
ทางด้านนายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการใหญ่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ ทวีตข้อความประณามอย่างรุนแรงต่อเหตุการก่อการร้ายครั้งนี้ พร้อมยืนยันว่า ภารกิจสำคัญที่สุดของชาติพันธมิตรคือการอพยพประชาชนออกจากอัฟกานิสถานให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด
ทางด้านเจ้าหน้าที่ของกลุ่มตาลิบัน สุฮาอิล ชาฮีน กล่าวประณามต่อเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้เช่นกัน พร้อมระบุว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า สาขาของกลุ่มรัฐอิสลามในอัฟกานิสถานคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ แม้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบก็ตาม
ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน กล่าวถึงการโจมตีที่สนามบินกรุงคาบูลว่า "ป่าเถื่อน" และยิ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเร่งอพยพประชาชนออกจากอัฟกานิสถานให้เร็วที่สุดก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 31 สิงหาคมนี้
หลังเหตุระเบิดในัวนพฤหัสบดี กระทรวงคมนาคมอังกฤษมีคำแนะนำให้เครื่องบินโดยสารหลีกเลี่ยงการบินในระดับต่ำกว่า 7,620 เมตร เหนือน่านฟ้าของอัฟกานิสถาน
(ข้อมูลบางส่วนจากเอพีและรอยเตอร์)