Your browser doesn’t support HTML5
ที่ผ่านมา แม้พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันมักมีจุดยืนแตกต่างกันในแทบทุกเรื่อง แต่ดูเหมือนว่าในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภากลางเทอมที่กำลังจะมีขึ้นใน 3 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ทั้งสองพรรคต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์” คือปัจจัยสำคัญที่อาจตัดสินผลการเลือกตั้งครั้งนี้ได้
สำหรับคนอเมริกันจำนวนมาก “ประธานาธิบดีทรัมป์” อาจเป็นปัจจัยชี้ขาดผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภากลางเทอม ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เองดูเหมือนจะทราบถึงปัจจัยนี้ดี และได้เดินสายหาเสียงให้กับสมาชิกพรรครีพับลิกันทั่วประเทศโดยเน้นประชาสัมพันธ์ไปที่ตัวเอง แม้ตนจะไม่ได้ลงสมัครเลือกตั้งด้วยก็ตาม
ในทางกลับกัน ดูเหมือนฝ่ายผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตและกลุ่มต่อต้านทรัมป์ ก็ใช้กลยุทธ์การโจมตีประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อให้กระทบต่อคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือคู่แข่งจากพรรครีพับลิกันในเขตเลือกตั้งนั้นๆ
อาจารย์เดวิด บาร์คเกอร์ นักวิเคราะห์การเมืองอเมริกัน จาก American University ชี้ว่า พรรคเดโมแครตเฝ้ารอเวลานี้มาเกือบสองปี นับตั้งแต่วันที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีต่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์เองก็ต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีตนเป็นศูนย์กลางเช่นกัน
ด้านอาจารย์ลาร่า บราวน์ แห่ง George Washington University ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ให้ความสำคัญกับประเด็นระดับชาติ ซึ่งแตกต่างจากการเลือกตั้งกลางเทอมในอดีตที่ความสนใจมักมุ่งเน้นไปที่ประเด็นในแต่ละท้องถิ่น และผู้สมัครในรัฐนั้นๆ มากกว่าตัวประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่ง
ทำให้มีการพูดกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เปรียบเสมือนการลงประชามติของคนอเมริกันว่ายอมรับการทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหรือไม่?
ในอดีต ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มักต่อต้านแนวคิดที่ว่าการเลือกตั้งกลางเทอมคือการการลงประชามติในการทำงานของประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่ง แต่อดีตที่ปรึกษาของทรัมป์ นายสตีฟ แบนนอน (Steve Bannon) กล่าวกับ Associated Press เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ปธน.ทรัมป์ ชื่นชอบแนวคิดนี้ และตนเชื่อว่าพรรคเดโมแครตจะต้องผิดหวังกับผลที่ออกมา
อย่างไรก็ตาม ส.ส. พรรคเดโมแครตจากรัฐแมรีแลนด์ ดัทช์ รัพเพอร์สเบอร์เกอร์ (Dutch Ruppersberger) กล่าวกับ VOA ว่า เมื่อประธานาธิบดีมัวแต่สนใจในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง แต่ไม่สนใจปัญหาของประชาชน นั่นเป็นความเจ็บปวด และนั่นจะทำให้คนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันอย่างมากมาย
ด้านอาจารย์แลร์รี่ ซาบาโต (Larry Sabato) จาก University of Virginia ชี้ว่า การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ จะเป็นการแข่งขันที่สูสีในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ ปธน.ทรัมป์ ได้ไปปรากฏตัวตามรัฐและเมืองเหล่านั้น เพื่อกระตุ้นในบรรดาผู้สนับสนุนตนเองและพรรครีพับลิกันออกมาใช้สิทธิ์มากขึ้น
เพราะแม้ชื่อของ โดนัลด์ ทรัมป์ จะมิได้ปรากฏอยู่ในบัตรลงคะแนนในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ แต่แน่นอนว่าในความคิดของผู้ที่เดินเข้าคูหาเลือกตั้งจะต้องมีประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ไม่มากก็น้อย และนั่นถือเป็นปัจจัยที่จะชี้ขาดผลการเลือกตั้งกลางเทอมและอนาคตของรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงที่เหลืออีกสองปีต่อไป
(ผู้สื่อข่าว Jim Malone รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)