ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในวันอังคาร ที่นครนิวยอร์ก โดยมุ่งประเด็นไปที่เรื่องอิหร่าน และเกาหลีเหนือ รวมทั้งยังได้กล่าวยกย่องผลงานของตนเองในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ หรือ UNGA ในวันอังคาร ที่นครนิวยอร์ก ท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับของบรรดาผู้นำทั่วโลกที่เข้าร่วมประชุม
ผู้นำสหรัฐฯ เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงความสำเร็จของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบัน ซึ่งบรรดาผู้ร่วมประชุมตอบสนองอย่างน่าสนใจ
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า ภายในเวลาสองปี รัฐบาลของตนประสบความสำเร็จมากกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อนๆ เกือบทุกชุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ซึ่งเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน
บรรดาผู้ร่วมประชุมเริ่มส่งเสียงหัวเราะ ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้คาดว่าจะมีการตอบสนองเช่นนี้ แต่ไม่เป็นไร
ในการปราศรัยครั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ระบุถึงมาตรการโดดเดี่ยวต่อรัฐบาลอิหร่าน โดยกล่าวหาว่าอิหร่านคือระบอบการปกครองที่ป่าเถื่อน เป็นเผด็จการที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่น และเป็นผู้ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ความตาย และการทำลายล้าง
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า อิหร่านไม่เคยเคารพประเทศเพื่อนบ้าน หรือพรมแดน หรืออธิปไตยของประเทศอื่น แต่ผู้นำอิหร่านกลับใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อแสวงหาประโยชน์ให้ตัวเอง และกระจายความวุ่นวายไปทั่วตะวันออกกลางและภูมิภาคอื่น
ปธน.ทรัมป์ ระบุว่า เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐฯ ได้เริ่มนำมาตรการลงโทษต่ออิหร่านกลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่ถูกยกเลิกไปเพราะข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ที่รัฐบาล ปธน.โอบาม่า ทำไว้กับอิหร่านเมื่อ 3 ปีก่อน และว่า อาจมีการลงโทษเพิ่มอีกในวันที่ 5 พ.ย.นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศผู้สนับสนุนการก่อการร้ายรายใหญ่นี้สามารถมีอาวุธอำนาจทำลายล้างสูงไว้ในครอบครอง
ต่อมา ปธน.ทรัมป์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนหวังว่าจะสามารถมีการเจรจากับผู้นำอิหร่านได้ เหมือนกับที่ตนได้เจรจากับผู้นำเกาหลีเหนือมาแล้ว แต่การเจรจาดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออิหร่านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียก่อน
ด้านประธานาธิบดีอิหร่าน ฮัสซาน รูฮานี ขึ้นกล่าวต่อที่ประชุม UNGA ในวันนี้เช่นกัน โดยระบุว่าไม่มีประเทศไหนที่จะถูกลากสู่โต๊ะเจรจาโดยไม่เต็มใจ และว่าประธานาธิบดีทรัมป์กำลังละเมิดนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อน รวมทั้งกล่าวหาว่า ปธน.ทรัมป์ กำลังพยายามทำให้องค์กรโลกต่างๆ ไร้ประสิทธิภาพ
ปธน.อิหร่าน ยังได้บอกปัดคำอ้างของ ปธน.ทรัมป์ ที่ว่าตนพยายามขอให้มีการเจรจาโดยตรงกับ ปธน.ทรัมป์ มาแล้วหลายครั้ง แต่ผู้นำสหรัฐฯ ปฏิเสธ
ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า มาตรการลงโทษที่สหรัฐฯ กำลังนำมาใช้กับอิหร่าน จะมีผลทำให้สหรัฐฯ เองที่ถูกโดดเดี่ยวจากสหประชาชาติ เนื่องจากพันธมิตรของสหรัฐฯ หลายประเทศต่างสนับสนุนให้มีข้อตกลงด้านนิวเคลียร์กับอิหร่านต่อไป
ในการกล่าวปราศรัยครั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ยังได้ชมเชยความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ ซึ่งนำไปสู่ความผ่อนคลายความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งแตกต่างจากคำปราศรัยของ ปธน.ทรัมป์ ในการประชุมเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้ว ที่ขู่ว่าตนจะทำลายล้างเกาหลีเหนือให้ราบคาบ และเรียกผู้นำคิม จอง อึน ว่า “Rocket Man” ที่กำลังเข้าสู่ภารกิจการฆ่าตัวตาย
เมื่อวานนี้ ปธน.ทรัมป์ ได้ตอบรับคำเชิญของผู้นำคิม จอง อึน ที่ส่งผ่านมากับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มูน แจ-อิน เรื่องที่ต้องการให้มีการเจรจาสุดยอดครั้งที่สองระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ เพื่อหารือเรื่องความก้าวหน้าของกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการกำหนดวันและสถานที่จัดการประชุมแต่อย่างใด
ในส่วนที่เกี่ยวกับจีน ประธานาธิบดีทรัมป์ตำหนิจีนที่พยายามสร้างความได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรมในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ มิได้กล่าวถึงกรณีที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ.2016 แต่อย่างใด
ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงอำนาจอธิปไตยของสหรัฐฯ ซึ่งนำไปสู่การถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ ปธน.ทรัมป์ มองว่า คุกคามสิทธิของสหรัฐฯ ในการปกครองตนเอง
ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า อเมริกาปกครองโดยคนอเมริกัน เราปฏิเสธอุดมการณ์แบบโลกาภิวัฒน์ แต่สนับสนุนอุดมการณ์แห่งความรักชาติ ดังนั้นประเทศที่มีความรับผิดชอบจึงต้องสามารถปกป้องตนเองต่อภัยคุกคามทั้งจากรัฐบาลทั่วโลกและจากการรุกรานและยึดครองรูปแบบใหม่ๆ
ปธน.ทรัมป์ ระบุด้วยว่า ภัยคุกคามดังกล่าวนั้นมาทั้งในรูปของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน การลงทุนจากต่างชาติ และการหลั่งไหลของผู้อพยพเข้าเมือง
(ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงรายงานจากห้องข่าววีโอเอ)