ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ตัดสินยกเลิกกฎระเบียบสองข้อที่จำกัดการออกวีซ่าสำหรับแรงงานที่มีทักษะฝีมือ หรือ H-1B ที่กำหนดขึ้นในช่วงของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
กฎระเบียบข้อแรกกำหนดให้บริษัทต้องจ่ายเงินเดือนให้พนักงานที่ถือวีซ่า H-1B มากขึ้น โดยเริ่มมีการใช้กฎระเบียบนี้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ในขณะที่อีกกฎหนึ่งจำกัดสาขาอาชีพที่สามารถยื่นเรื่องขอวีซ่าดังกล่าว โดยเดิมทีจะมีการบังคับใช้กฎนี้ในสัปดาห์หน้า
เจฟฟรีย์ ไวท์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ละเลยช่วงเวลาทบทวนกฎระเบียบ 30 วัน ที่ปกติจะต้องมีไว้เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นต่อกฎระเบียบต่าง ๆ ก่อนที่จะมีการบังคับใช้กฎนั้นๆ
ผู้พิพากษาไวท์ยังไม่ให้น้ำหนักต่อข้อโต้แย้งของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ที่ให้เหตุผลว่า การจำกัดการออกวีซ่า H-1B เป็นเรื่องจำเป็นอย่างเร่งด่วน ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจจากการระะบาดของโคโรนาไวรัส เพื่อรับรองว่า “การจ้างพนักงานที่ถือวีซ่า H-1B จะไม่ส่งผลเสียต่อเงินเดือนและสภาพการทำงานของพนักงานชาวอเมริกันที่ถูกจ้างงานในลักษณะเดียวกัน”
โดยผู้พิพากษาไวท์ตัดสินว่า เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่งออกกฎนี้ในเดือนตุลาคม เป็นเวลาหกเดือนหลังเกิดสถานการณ์ไวรัสระบาดในประเทศ ทางรัฐบาลจึงไม่สามารถใช้เหตุผลถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการคุ้มครองการจ้างงานชาวอเมริกันได้
ทั้งนี้ วีซ่า H-1B เป็นวีซ่าสำหรับผู้มีทักษะระดับสูงที่มีวุฒิการศึกษาระดับตั้งแต่ปริญญาตรีหรือเทียบเท่าขึ้นไป โดยขณะนี้สหรัฐฯ ได้ออกวีซ่าดังกล่าวเป็นจำนวนไม่เกิน 85,000 วีซ่าต่อปี ทำให้เกิดการจ้างงานชาวต่างชาติในสายอาชีพที่ต้องการความชำนาญพิเศษ เช่น สายเทคโนโลยี สายวิศวกรรม และสายการแพทย์ ได้เป็นการชั่วคราว