คลังสหรัฐฯ เตือนชาติพันธมิตรอาจถูกลงโทษหากยังทำธุรกิจกับ 'อิหร่าน'

President Donald Trump shows a signed Presidential Memorandum after delivering a statement on the Iran nuclear deal from the Diplomatic Reception Room of the White House, Tuesday, May 8, 2018, in Washington.

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวเตือนในวันอังคารว่า ชาติพันธมิตรและคู่ค้าของสหรัฐฯ อาจเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกลงโทษจากสหรัฐฯ หากยังทำธุรกิจกับอิหร่าน

รองรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ทางการอิหร่านยังคงใช้บริษัทตัวแทนและธุรกรรมการเงินที่ไม่ถูกต้อง ในการสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งขัดกับข้อตกลงที่อิหร่านทำไว้กับประเทศมหาอำนาจ 6 ประเทศ เมื่อปี ค.ศ. 2015

เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศว่าสหรัฐฯ จะถอนตัวจากข้อตกลงที่ทำไว้กับอิหร่านดังกล่าว โดยบอกว่าเป็นข้อตกลงที่เลวร้าย และไม่ควรจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังสั่งให้รัฐบาลสหรัฐฯ นำมาตรการลงโทษทั้งหมดที่เคยใช้กับอิหร่าน กลับมาใช้อีกครั้ง

แต่ประเทศในสหภาพยุโรปคัดค้านแนวทางของผู้นำสหรัฐฯ และต้องการให้อิหร่านยึดมั่นกับข้อตกลงฉบับเดิม

ขณะเดียวกัน วันนี้ ผู้อำนวยการองค์การพลังงานปรมาณูของอิหร่าน อาลี อัคบาร์ ซาเลฮี กล่าวว่า อิหร่านได้เริ่มแผนเสริมคุณภาพแร่ยูเรเนียมอีกครั้ง โดยมีการสรา้งโรงงานเสริมคุณภาพยูเรเนียมแห่งใหม่ที่เมืองนาแทนซ์แล้ว หลังจากได้รับคำอนุญาตจากผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาโตลาห์ อาลี คาเมนี เมื่อวานนี้

ท่าทีล่าสุดของอิหร่านถือว่าขัดกับความพยายามของสหภาพยุโรปที่ต้องการรักษาข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ฉบับเดิมเอาไว้แม้สหรัฐฯ จะถอนตัวออกไป และยิ่งก่อให้เกิดความกังวลต่อประชาคมโลกยิ่งขึ้น เกี่ยวกับความขัดแย้งด้านนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง