Your browser doesn’t support HTML5
คณะผู้กำหนดนโยบายของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Federal Reserve (Fed) ประกาศเมื่อวันพุธว่า อีกไม่นานจะยุติการใช้มาตรการซื้อพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมส่งสัญญาณว่าอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า
Fed กล่าวว่าจะยุติโครงการอัดฉีดเงินดังกล่าวเร็วกว่ากำหนดเดิม คือจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมจากเดิมที่กำหนดไว้ในช่วงกลางปีหน้า หลังจากที่ดัชนีราคาผู้บริโภครายปีเมื่อเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 6.8% ซึ่งสูงที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี
สำหรับอัตราดอกเบี้ยซึ่งถูกกดให้อยู่ในระดับต่ำเกือบ 0% ในปัจจุบัน ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่าอาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยราว 0.25% ทั้งหมด 3 ครั้งในปีหน้า เพื่อรักษาอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงจนเกินไปโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอเมริกัน
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานคณะผู้ว่าการระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ แถลงต่อผู้สื่อข่าวหลังการประชุมเป็นเวลาสองวันว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และอัตราการจ้างงานกำลังเพิ่มขึ้นใกล้ระดับสูงสุด ทำให้ธนาคารกลางสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินได้
นายพาวเวลล์ กล่าวด้วยว่า นักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้า ซึ่งต้องมีการติดตามวิเคราะห์อย่างใกล้ชิดต่อไป
แถลงการณ์หลังการประชุมของ Fed ระบุด้วยว่า อัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นและปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เริ่มบรรเทาลงจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมทั้งการจ้างงาน และการลดอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสใหม่ ๆ ในอนาคตเช่นกัน