ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Federal Reserve) ออกคำเตือนในรายงานด้านเสถียรภาพทางการเงินว่า วิกฤตของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีน “เอเวอร์แกรนด์” ที่มีปัญหาในการชำระหนี้ก้อนโตมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์อาจจะส่งผลกระทบวงกว้างต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งต่อสหรัฐฯด้วย
รายงานของเฟดระบุว่า “เนื่องจากขนาดของเศรษฐกิจ และขนาดสถาบันการเงินของจีน รวมถึงความเชื่อมโยงการธุรกิจของจีนกัประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ปัญหาทางเงินในจีนอาจจะกระทบต่อตลาดการเงิน จากบรรยากาศด้านความเสี่ยงที่ย่ำเเย่ลง”
เฟดระบุด้วยว่า ปัจจัยข้างต้น “อาจสร้างความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลก และอาจกระทบต่อสหรัฐฯด้วย”
รายงานเสถียรภาพทางการเงิน ของเฟดจะออกปีละสองครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ เฟดพูดถึงภาพรวมเรื่องผลกระทบจากบริษัทในประเทศจีนมีที่หนี้สินระดับสูง แต่รายงานที่เพิ่งตีพิมพ์เมื่อวันจันทร์ผ่านมาได้เจาะจงชื่อบริษัทเอเวอร์แกรนด์ อย่างชัดเจน
นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่าแม้รัฐบาลจีนจะแสดงทีท่าว่าสามารถควบคุมความผันผวนของวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะประเมินถึงระดับของผลกระทบผิด ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว อาจสร้างความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในวงกว้างได้
ที่ผ่านมาราคาหุ้นของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ดิ่งลงมาอย่างมากและดอกเบี้ยของตราสารหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเพื่อสะท้อนผลตอบเเทนที่นักลงทุนต้องการเมื่อเทียบกับความเสี่ยงในการลงทุน
และตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ในจีนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าเอเวอร์แกรนด์มากก็ถูกเทขายด้วย นอกจากนี้ ดัชนีของ Bloomberg สำหรับซื้อขายตราสารหนี้ของบริษัทจีนยังชี้ว่าธุรกิจนอกภาคอสังหาริมทรัยพ์ที่ออกตราสารหนี้ก็ได้รับผลกระทบด้วย เช่น Tencent
เอเวอร์แกรนด์มีหนี้กว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้มากที่สุดในโลก โดยบริษัทชำระหนี้ส่วนของดอกเบี้ยมูลค่า 144 ล้านดอลลาร์จากตราสารหนี้อย่างหวุดหวิดในวันพุธที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลจากหลายฝ่าย
วิกฤตที่บริษัทเอเวอร์แกรนด์ กำลังเผชิญอยู่นี้เกิดขึ้น เมื่อทางการจีนออกกฎใหม่เพื่อลดการเป็นหนี้ของบริษัทใหญ่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กฎข้างต้นไม่อนุญาตให้บริษัทกู้เงินก้อนใหม่มาชำระหนี้ที่ไม่สามารถจ่ายได้เมื่อครบกำหนด
ดัก แบร์รี่ โฆษกของ the U.S.-China Business Council ในกรุงวอชิงตัน บอกกับวีโอเอว่า วิกฤตของบริษัทอสังหาฯ ข้างต้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของปัญหาใหญ่ในประเทศจีน เพราะธนาคารหลายแห่งในจีนเป็นธนาคารที่มีหนี้จำนวนมากถึงขั้นไม่มีเงินจ่าย หรือ zombies banks แต่ที่ยังสามารถทำงานต่อไปได้เพราะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีน
เขาบอกว่า “ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำในประเทศจีนจะต้องจัดระเบียบนโยบายเศรษฐศาสตร์มหภาคให้สอดคล้องกับความต้องการที่จะปฏิรูปและเปิดกว้าง…. มีหลายส่วนพร้อมให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งจากสหรัฐฯ และภาคธุรกิจ”
ดักส์ แบร์รี่ กล่าวว่ารูปแบบของความช่วยเหลือน่าจะเป็นประเด็นสำคัญในการประชุมระหว่างโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสี จิน ผิง ประธานาธิบดีจีน
แม้บริษัท เอเวอร์แกรนด์ จะหยุดโครงการก่อสร้างหลายแห่งทั่วประเทศจีนและค้างชำระค่าจ้างกับผู้ประกอบการหลายแห่ง แต่บริษัทได้ประกาศให้พนักงานโดยรวมทราบผ่านแอปพลิเคชั่น WeChat ว่าจะเดินหน้าทำการก่อสร้างโครงการต่างๆ ด้วยความมุ่งมั่น และจะส่งมอบโครงการที่ “เปี่ยมคุณภาพ” เหล่านี้ให้สำเร็จ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ในที่สุดแล้ว รัฐบาลจีนอาจจะยื่นมือเข้ามาช่วยเพื่อไม่เกิดวิกฤตต่อตลาดอสังหาจีนในอนาคต แต่ก็อาจจะไม่ใช่ในเร็วๆนี้
นักวิเคราะห์ทิง ลู และ จิน แวง ของสถาบันการเงิน Nomura International ในฮ่องกงระบุว่า การควบคุมหนี้ในตลาดอสังหาจีนยังคงอยู่ต่อไป และ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดจะยังไม่เกิดกับภาคธุรกิจข้างต้นและเศรษฐกิจของจีนโดยรวม
นักวิเคราะห์ทั้งสองกล่าวว่า ทางการจีนอาจจะร่างนโยบายที่จะพยุงปัญหาหนี้สิ้นของบริษัทในภาคธุรกิจไว้
สำหรับเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์นั้นยังขาดความแน่ชัดอยู่ และผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดว่าจะผู้ถือตราสารหนี้ในสกุลเงินดอลลาร์อาจจะไม่ได้รับเงินคืนเต็มจำนวน