ทีมงานเฉพาะกิจด้านการรับมือโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว เผยยอดติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่ยังไม่อาจวางใจเรื่องไวรัสกลายพันธุ์ ที่ยังเป็นภัยคุกคามสำคัญในหมู่คนหนุ่มสาวอเมริกัน
โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ CDC เปิดเผยในวันอังคารว่า ยอดติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงถึง 30% มาอยู่ที่ระดับ 13,277 ราย นับเป็นสัดส่วนที่ลดลงถึง 90% นับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ และว่าเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่อเมริกาเผชิญกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เมื่อเดือนมีนาคมปีก่อน ส่วนผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลปรับตัวลดลงถึง 83% นับตั้งแต่ต้นปีนี้เช่นกัน
ผอ.หญิง CDC กล่าวชื่นชมผลงานที่เกิดขึ้นนี้ว่ามาจากประชาชนที่เข้ารับวัคซีนโควิด-19 และอ้างถึงผลการศึกษาล่าสุดของ CDC ที่เปิดเผยในวันอังคาร ซึ่งแสดงประสิทธิภาพของวัคซีนต่อการรับมือการระบาดใหญ่ของโควิดด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นพ.แอนโธนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ ได้กล่าวเตือนในวันอังคารด้วยว่า ไวรัสกลายพันธุ์ยังคงเป็นภัยคุกคามสำคัญอยู่ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ที่ถูกพบครั้งแรกในอินเดีย ซึ่งกลายเป็นการระบาดกระแสหลักในอังกฤษตอนนี้ และพบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในกลุ่มคนอายุน้อย
นพ.เฟาชี ระบุว่า ตอนนี้ในสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้า คิดเป็นสัดส่วนราว 6% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็จริง แต่สหรัฐฯ ควรเร่งแจกจ่ายวัคซีนให้ถึงคนอายุน้อยในประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนอย่างที่อังกฤษ และวัคซีนที่สหรัฐฯอนุมัติการใช้ในปัจจุบันนั้นสามารถรับมือกับโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้
สื่อวอชิงตันโพสต์ ระบุในวันจันทร์ว่า อัตราการแจกจ่ายวัคซีนของอเมริกาลดลงต่ำว่า 1 ล้านโดสต่อวัน จากระดับสูงสุดที่กว่า 3 ล้านโดสต่อวันในเดือนเมษายน ทำให้หลายฝ่ายจับตาเป้าหมายสำคัญช่วงวันชาติอเมริกา 4 กรกฎาคมนี้ ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตั้งเป้าแจกวัคซีนให้กับประชาชน 70% ของประเทศว่าอาจไปไม่ถึงฝั่ง ทางทีมงานเฉพาะกิจด้านการรับมือโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐฯจะทำทุกทางเพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งการเปิดศูนย์กระจายวัคซีนที่ไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า และการเข้าถึงประชาชนผ่านองค์กรศาสนาและชุมชนโดยตรง