บรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐฯ ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เจเน็ท เยลเล่น ที่ต้องการให้เก็บภาษีนิติบุคคลระหว่างประเทศขั้นต่ำ และอนุญาตให้มีประเทศที่สามารถเก็บภาษีกับบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ได้มากขึ้น
ข้อเสนอด้านภาษีดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ G-7 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยจะมีการเก็บภาษีนิติบุคคลระหว่างประเทศขั้นต่ำในอัตรา 15% ทั่วโลก และอนุญาตให้ประเทศต่าง ๆ สามารถเก็บภาษีได้ถึง 20% ของกำไรส่วนเกินของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีกำไรสูงสุด 100 แห่ง ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศนั้น ๆ
รัฐมนตรีเยลเล่น กล่าวว่า นโยบายด้านภาษีแบบใหม่นี้จะช่วยหยุดการกระทำของบริษัทข้ามชาติต่าง ๆ ที่เรียกว่า การแข่งขันสู่จุดต่ำสุดของภาษีระหว่างประเทศ
ข้อเสนอดังกล่าวอาจถูกนำไปขยายผลต่อในการประชุมของกลุ่ม G-20 ซึ่งเชื่อว่าจะมีประเทศเข้าร่วมมากขึ้น รวมทั้งอีกราว 140 ประเทศที่อาจเข้าร่วมเจรจาเพื่อหาทางเก็บภาษีระหว่างประเทศต่อบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติขนาดใหญ่ เช่น Google, Facebook, Amazon และ Apple ซึ่งตกเป็นเป้าของการเก็บภาษีของประเทศต่าง ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ส.ว.แพท ทูมมีย์ จากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ข้อตกลงด้านภาษีฉบับนี้จะเป็นการดูดรายได้จากภาษีออกไปจากคลังของสหรัฐฯ และจะสร้างหายนะต่อเศรษฐกิจอเมริกัน พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีสมาชิกพรรครีพับลิกันคนใดออกเสียงสนับสนุนข้อเสนอนี้
ทั้งนี้ การต่อต้านอย่างแข็งขันจากสมาชิกพรรครีพับลิกัน อาจทำให้ข้อเสนอนี้ไม่ผ่านวุฒิสภาได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ กำหนดว่า การที่รัฐบาลจะจัดทำข้อตกลงระหว่างประเทศต้องได้รับมติเห็นชอบ 2 ใน 3 จากวุฒิสมาชิก ซึ่งขณะนี้ทั้งสองพรรคมีเสียงเท่ากันที่ 50 ต่อ 50
นั่นทำให้เกิดคำถามว่า ในที่สุดแล้วข้อตกลงด้านภาษีนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อบทบาทความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ บนเวทีโลกอย่างไร