รายงานข่าวโดยหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ระบุว่า ผลการศึกษาจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปว่า เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุใหม่ที่เป็นจุดกำเนิดของวิกฤตโควิด-19 นั้น มีความเป็นไปได้มากที่จะหลุดรอดออกมาจากห้องแล็บแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และแนะนำให้มีการสืบสวนเพิ่มเติม
The Wall Street Journal ระบุว่า รายงานการศึกษาที่มาของเชื้อโคโรนาไวรัสที่ถูกจัดให้เป็นข้อมูลชั้นความลับของรัฐบาลสหรัฐฯนี้ จัดทำโดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากห้องทดลอง Lawrence Livermore National Labolatory ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมของปีที่แล้ว และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นำข้อมูลในรายงานนี้มาใช้ในการสืบค้นต้นตอของวิกฤตการระบาดใหญ่ในช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
สื่ออเมริกันแห่งนี้ยังเปิดเผยด้วยว่า ห้องทดลองที่ทำการศึกษาดังกล่าวมีความเชี่ยวชาญอย่างมากเกี่ยวกับงานด้านชีวภาพและทำการประเมินจากการวิเคราะห์จีโนม (Genome) หรือกลุ่มเซลล์ของสิ่งมีชีวิตของไวรัสซาร์ส (SARS) ที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้สั่งให้หน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯ ทำการสืบสวนที่มาของไวรัสนี้ และหน่วยงานทั้งหลายกำลังพิจารณาความเป็นไปได้อยู่ว่า วิกฤตสาธารณสุขครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ หรือเกิดขึ้นจากการที่มนุษย์ไปสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อกันแน่
ขณะเดียวกัน สำนักข่าว AFP รายงานว่า รัฐบาลจีนได้อนุมัติให้มีการใช้วัคซีนโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปี ขึ้นไปแล้ว ทำให้จีนกลายมาเป็นประเทศแรกที่จะแจกจ่ายวัคซีนให้กับประชากรเด็กของตน
โฆษกของบริษัทผู้ผลิตยา ซิโนแวค (Sinovac) บอกกับผู้สื่อข่าว AFP ว่า ในเวลานี้ วัคซีนของบริษัทได้รับอนุญาตให้ใช้กับผู้ที่มีอายุระหว่าง 3 ปีและ 17 ปีแล้ว แต่ไม่ได้ยืนยันว่า จะมีการฉีดให้กับประชากรกลุ่มวัยเยาว์นี้จริงหรือไม่ และกล่าวเพียงว่า การตัดสินใจในเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีน
