สื่อสหรัฐฯ ระบุว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเริ่มต้นผลักดันให้ชาวอเมริกันทุกคนที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว เข้ารับวัคซีนโควิดเข็ม 3 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันจากโควิดกลายพันธุ์เดลตา ที่นำไปสู่การระบาดระลอกใหม่ในอเมริกา
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ เตรียมประกาศแผนการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิ หรือ บูสเตอร์ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นคำแนะนำให้ชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว เข้ารับวัคซีนบูสเตอร์ ในระยะ 8 เดือนหลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ไปแล้ว
ที่ผ่านมา หน่วยงานสาธารณสุขอเมริกัน ปฏิเสธข้อเรียกร้องการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิให้ประชาชน จากชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ได้รับวัคซีนโควิดชนิด 2 เข็ม จากไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นา ขณะที่มีชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งได้รับวัคซีนโควิดชนิด 1 เข็มจากจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งมีข้อมูลการศึกษาที่พบว่าผู้ได้รับวัคซีนเหล่านี้ยังไม่ระดับการป้องกันโควิดกลายพันธุ์เดลตา
แต่จากการศึกษาชิ้นใหม่ของอิสราเอล ที่บ่งชี้ว่าประสิทธิผลของวัคซีนไฟเซอร์ลดลงในหมู่ผู้สูงวัยที่ได้รับวัคซีนโควิดไปเมื่อช่วงต้นปีนี้ ทำให้ทางอิสราเอลต้องเร่งแจกวัคซีนบูสเตอร์ในอิสราเอลให้ผู้คนอายุ 50 ปีขึ้นไปเมื่อต้นสัปดาห์
ทั้งนี้ โครงการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ในสหรัฐฯ อาจเริ่มต้นได้ช่วงเดือนกันยายนของปีนี้ หลังจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA อนุมัติคำร้องจากไฟเซอร์ในการใช้วัคซีนโควิดของบริษัทเป็นวัคซีนบูสเตอร์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ทำงานด่านหน้า เจ้าหน้าที่ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และผู้สูงวัย จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนกระตุ้นภูมินี้ ขณะที่ทางสื่อ CNN รายงานว่า มาตรการนี้อาจครอบคลุมกับผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิด 1 เข็มของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันด้วยเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ก่อน ทาง FDA และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ หรือ CDC แนะนำผู้ที่มีระดับภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ เข้ารับวัคซีนโดส 3 ของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาได้
ด้านองค์การอนามัยโลก เรียกร้องนานาประเทศชะลอการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้ประชาชนไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้ เพื่อเปิดทางให้ประเทศรายได้น้อยเข้าถึงวัคซีนโควิดได้ก่อน จากที่พบว่าอัตราการฉีดวัคซีนของผู้คนในกลุ่มประเทศรายได้ต่ำอยู่ที่ 1.5 โดส ต่อประชากร 100 คน ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับผู้คนในประเทศร่ำรวย ที่มีอัตราการฉีดวัคซีน 100 โดสต่อประชากร 100 คน
(เนื้อหาบางส่วนจาก Associated Press, Reuters, CNN และ Agence France-Presse)