เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นปัจจัยตัดสินว่า สหรัฐฯ จะเริ่มฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่สาม หรือบูสเตอร์ช็อต ให้แก่ประชาชนหรือไม่
นายแพทย์ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NIH กล่าวกับรายการ “Fox News Sunday” เมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า มีความกังวลว่าประสิทธิผลของวัคซีนโควิดอาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไป และหากต้องฉีดวัคซีนเข็มที่สาม หรือบูสเตอร์ช็อตจริง บุคลากรการแพทย์ ผู้สูงอายุ และผู้อาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุ จะเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่สามนี้
การระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาทำให้สหรัฐฯ มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในระดับเฉลี่ย 129,000 คนต่อวัน มากกว่าระดับเฉลี่ยเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 700% โดยนายแพทย์คอลลินส์เตือนว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อนี้อาจเพิ่มขึ้นถึงระดับ 200,000 คนต่อวันซึ่งเป็นระดับเดียวกับช่วงที่มีการระบาดสูงสุดเมื่อเดือนมกราคม
นายแพทย์คอลลินส์ กล่าวว่า คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนจะกลายเป็น "เป้านิ่ง" ของไวรัสโควิด พร้อมกระตุ้นให้คนเหล่านั้นไปรับการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด
ทางด้านนายแพทย์แอนโธนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถานบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวกับรายการ “Face the Nation” ในวันอาทิตย์ว่า หากข้อมูลบ่งชี้ว่าจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มต่อไป สหรัฐฯ ก็จะทำเช่นนั้นทันทีตามที่ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว