เจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพสหรัฐฯ เชื่อว่า การที่รัฐบาลกรุงวอชิงตันไม่สามารถต้านความพยายามของจีนในการขยายศักยภาพทางทหารได้ จะทำให้รัฐบาลกรุงปักกิ่งสามารถเดินหน้าแผนการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลกได้ในอนาคตอันใกล้
พลเรือเอก ฟิลิป เดวิดสัน ผู้บัญชาการกองบัญชาการภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ขึ้นให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการด้านกิจการกองทัพวุฒิสภาในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น พร้อมแสดงความกังวลว่า ขณะนี้จีนกำลังพยายามเร่งดำเนินการต่างๆ เพื่อแย่งตำแหน่งผู้นำโลกจากสหรัฐฯ หลังจากที่เคยประกาศว่าจะทำเช่นนั้นให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2050
พลเรือเอก เดวิดสัน ระบุว่า ตนเริ่มกังวลว่า จีนอาจจะประสบความสำเร็จในไม่ช้านี้แล้ว
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พลเรือเอก เดวิดสัน ซึ่งมีกำหนดเกษียณในปลายปีนี้ พยายามนำเสนอประเด็นความกังวลเกี่ยวกับอันตรายจากพฤติกรรมจีนที่เริ่มมีความดุดันขึ้น ให้กับรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน มาโดยตลอด
ในระหว่างการให้ข้อมูลในวันอังคาร พลเรือเอก เดวิดสัน กล่าวด้วยว่า จีนนั้นเป็น “ภัยทางยุทธศาสตร์ในระยะยาวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อความมั่นคงในยุคศตวรรษที่ 21” และว่า “สมดุลของกำลังทหารในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกนั้น เริ่มโอนเอนออกห่างจากสหรัฐฯ และพันธมิตรมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
เขากล่าวด้วยว่า ภายใต้ความไม่สมดุลที่ว่านี้ จีนอาจจะรู้สึกกล้าที่จะก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งผู้นำโลก ก่อนที่สหรัฐฯ จะสามารถตอบโต้ได้ด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า จีนจะเพิ่มงบกลาโหมในปีนี้ของตนอีก 6.8 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ การคาดการณ์จากบางสายมองว่า กองทัพเรือจีนอาจขยายกำลังแซงหน้าสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ที่ปัจจุบันมีความได้เปรียบด้านจำนวนเครื่องบินที่ 3 ต่อ 1 ให้กลับกลายมาเป็น 54 ต่อ 6 ภายในปี ค.ศ. 2025
พลเรือเอก เดวิดสัน ยังเตือนด้วยว่า ไต้หวัน และ กวม ซึ่งเป็นดินแดนภายใต้การปกครองของสหรัฐฯ อาจเป็นเป้าหมายของจีนในการแสดงแสนยานุภาพของกองกำลังของตน พร้อมเรียกร้องให้ รัฐสภาสหรัฐฯ สนับสนุนการขายอาวุธให้กับไต้หวันและการเสริมกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อปกป้องคุ้มครองกวมด้วย