ประชากรสหรัฐฯขยายตัว 7.4% ช่วงสิบปี - เกือบต่ำสุดในประวัติศาสตร์

FILE - This photo shows an envelope containing a 2020 census letter mailed to a U.S. resident in Detroit, April 5, 2020.

Your browser doesn’t support HTML5

US Census


เมื่อวันจันทร์ที่ 26 เมษายน ในสหรัฐฯ สำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรหรือ US Census Bureau เผยถึงการเติบโตของประชากรอเมริกันประมาณ 7.4 เปอร์เซ็นต์ในรอบสิบปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 331 ล้านคน

การนับจำนวนประชากรมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะรัฐบาลจะใช้ตัวเลขดังกล่าวในการคำนวณสมาชิกผู้แทนราษฎรจากแต่ละรัฐและงบประมาณต่างๆตามความเหมาะสม

ผลสำรวจของทศวรรษล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มตัวของจำนวนประชากรในอัตราที่ต่ำเป็นอันสองในประวัติศาสตร์อเมริกา รองลงมาจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในทศวรรษที่ 1930 หรือยุคที่สหรัฐฯ เผชิญกับ the Great Depression

อนาคตปัญหาสังคมผู้สูงอายุในสหรัฐฯ

ผู้อำนวยการหน่วยงาน Economic Innovation Group นายจอห์น เลทเทียรี่ ชี้ว่า ปัญหาสังคมผู้สูงอายุและการขาดแคลนทรัพยากรบุคคลจะเกิดในอนาคต เพราะ ขณะนี้ สหรัฐฯ มีประชากรอายุเกิน 80 ปี มากกว่า ประชากรวัยเยาว์ที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ

การเปลี่ยนถิ่นฐานของคนในประเทศกับผลกระทบด้านการเมือง

นอกจากนี้ ผลสำรวจสำมะโนประชากรครั้งล่าสุดได้แสดงให้เห็นถึงแนวทางการเปลี่ยนถิ่นฐานของชาวอเมริกันจากฝั่งตะวันออกของประเทศไปยังทางตอนใต้และฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ซึ่งบริเวณดังกล่าว มีการเจริญเติบโตของเมืองและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

เพราะเหตุนี้ รัฐฟลอริดา มอนแทนา นอร์ธแคโรไลนา โคโลราโด และ โอเรกอน จึงมีจำนวนส.ส.ในสภาเพิ่มขึ้นถึงรัฐละ 1 ที่ ส่วนรัฐเท็กซัสนั้นมีผู้แทนเพิ่มขึ้นถึง 2 ที่เลยทีเดียว สำหรับรัฐนิวยอร์กและเพนซิลเวเนีย เสียที่นั่งไปอย่างรัฐละ 1 ที่ และรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐฯ อย่างแคลิฟอร์มีการขยายตัวของประชากรไม่เท่าครั้งก่อนจึงเสียจำนวนสมาชิกผู้แทนในสภาไป 1 ที่

The Washington Monument and the U.S. Capitol are seen in Washington, at sunrise Wednesday, March 18, 2020. The White House has sent Congress an emergency $46 billion spending request for coronavirus-related funding this year. (AP Photo/Carolyn…

การจัดสรร ส.ส. ในสภา ไม่ให้เกินจำนวน 435 ของที่นั่งทั้งหมดจะถูกแบ่งโดยจำนวนประชากรในรัฐต่างๆ ซึ่งหากรัฐไหนมีประชากรเยอะ ก็จะมีสิทธิได้ที่นั่ง ส.ส. ในสภาเพิ่ม ส่วนรัฐที่มีประชากรลดลงก็จะเสียจำนวนของที่นั่งไป

หากมองลึกลงไป การขยายตัวของประชากรในรัฐข้างต้นโดยภาพรวมน่าจะเอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้พรรครีพับลิกันมีเสียงในสภาล่างมากขึ้น เพราะกระบวนการแบ่งแขตการเลือกตั้งจะถูกทำขึ้นมาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับยอดของประชากรในแต่ละรัฐในยุคปัจจุบัน

ผู้อำนวยการด้านการจัดเขตเพื่อพรรครีพับลิกัน นาย อดัม คินแคลด แสดงความมั่นใจผ่านสำนักข่าว AP ว่า “พรรครีพับลิกันมีแนวโน้วดีในการกลับมาครอง (เสียงข้างมาก) ในสภาล่างในปี 2022”

ทั้งนี้ US Census Bureau จะเผยรายละเอียดฉบับเต็มของสำมะโนประชากรในเดือนสิงหาคม ซึ่งอาจจะไม่ใช่ข่าวดีไปซะทีเดียวสำหรับพรรครีพับลิกัน เพราะประชากรในรัฐดังกล่าวมีอายุไม่พอที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งและบางส่วนก็เป็นชนผิวสีที่มักจะลงคะแนนเสียงใหักับพรรคคู่แข่งอย่างเดโมแครตแทนอีกด้วย

การนับจำนวนประชากรผู้อพยพที่มีเชื้อสายฮิสแปนิกและลาติน

เมื่อปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามบันทึกคำสั่งห้าม US Census Bureau นับผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ โดยผิดกฎหมายซึ่งส่วนใหญ่นั้นเป็นกลุ่มคนที่มีเชื้อสายฮิสแปนิกและลาติน ในทางทฤษฎีนั้น ข้อมูลสำมะโนประชากรที่มีกลุ่มคนผิวขาวเยอะจะเอื้อประโยชน์ให้พรรครีพับลิเพราะบุคคลกลุ่มนี้เป็นฐานสนับสนุนหลักของพรรคดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นักประชากรศาตร์บางส่วนได้แสดงความแปลกใจกับสำนักข่าว AP เพราะคาดว่าคำสั่งห้ามนี้น่าจะทำให้พรรครีพับลิกันได้ที่ในสภาล่างมากกว่านี้ โดยเฉพาะจากรัฐเท็กซัส ฟลอริดา และ แอริโซนา ที่มีผู้อพยพอยู่อย่างหนาแน่น

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นชี้ถึงความตกหล่นในการนับจำนวนคนเชื้อสายฮิสเเปนิก ความยากลำบากในการสำรวจช่วงโควิด-19 และ ความกังวลกับคำถามเกี่ยวกับสถานะการพำนักในสหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยามใส่ไปในแบบสำรวจ แต่ไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ ประธานของกลุ่ม National Association of Latino Elected and Appointed Officials นาย โทมัส ซาแนส บอกว่า ในตอนนี้ เขายังไม่กังวลกับการนับจำนวนชาวลาตินโนที่อาจจะมีโอกาสตกหล่น และ ชี้ว่าที่รัฐนิวยอร์กไม่เสียที่ในสภาล่างไปมากกว่านี้ก็เพราะการขยายตัวของชาวเชื้อสายฮิสเเปนิกในรัฐดังกล่าว

(เรียบเรียงโดย จณิน ภักดีธรรม)