สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีกำหนดลงคะแนนในวันศุกร์ต่อแผนช่วยเหลือเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยแผนดังกล่าวตั้งเป้าช่วยเหลือธุรกิจ ภาครัฐ และชาวอเมริกันหลายล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดนี้
คาดว่า ส.ส. สหรัฐฯ จะลงคะแนนตามแนวทางของพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรคที่คุมเสียงส่วนใหญ่ในสภาล่าง ซึ่งหากแผนดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติ จะทำให้ผู้นำสหรัฐฯ ได้รับชัยชนะทางนิติบัญญัติครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม
ยังมีการคาดการณ์ด้วยว่า ส.ส. สหรัฐฯ จะอภิปรายถึงร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างเข้มข้น โดยส.ส. จากพรรคริพับลิกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยต่อมูลค่าของแผนดังกล่าว ที่รวมถึงค่าวัคซีนและค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ เพื่อรับมือกับโควิด-19 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ แล้วกว่า 508,000 คน และทำให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนตกงาน
แผนดังกล่าวยังจะมอบเงินช่วยเหลือโดยตรงอีก 1,400 ดอลลาร์แก่ชาวอเมริกัน และให้การช่วยเหลือทางการเงินฉุกเฉินแก่ครอบครัว ธุรกิจขนาดเล็ก และรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลระดับรัฐ
กฎหมายดังกล่าวจะช่วยเหลือผู้ตกงานอย่างฉุกเฉิน และพักการชำระภาษีแก่ผู้มีรายได้ต่ำและครอบครัวที่มีบุตร ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ เช่น อุตสาหกรรมร้านอาหารและการบิน ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ คาดว่า ร่างกฎหมายฉบับสุดท้ายจะไม่รวมการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจาก 7.25 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง เป็น 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ตามข้อเสนอของพรรคเดโมแครต โดยเอลิซาเบธ แมคดอนอห์ ผู้เชี่ยวชาญการรัฐสภาของวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวจะต้องถูกถอนออกไปตามกฎระเบียบของวุฒิสภา
การตัดสินใจของแมคดอนอห์ ทำให้พรรคเดโมแครตต้องหาแนวทางอื่นเพื่อเสนอการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำท่ามกลางความไม่เห็นด้วยจากพรรคริพับลิกัน
ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตคุมเสียง 221 ต่อ 211 ในสภาล่างสหรัฐฯ โดยเเนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ หวังว่า ส.ส. สหรัฐฯ พรรคเดโมแครตทุกคนจะลงคะแนนผ่านให้กฎหมายดังกล่าว เพื่อนำไปสู่การลงคะแนนในสภาสูงที่ทั้งสองพรรคต่างมีวุฒิสมาชิกจำนวน 100 คนเท่ากัน โดยรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต จะมีอำนาจลงคะแนนเพื่อตัดสินเสียงข้างมากในวุฒิสภา