รัฐเพนซิลเวเนียและรัฐมิชิแกน ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ และยืนยันว่า อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน คือผู้มีชัย ขณะที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา รับรองผลนับคะแนนที่สรุปว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ชนะในรัฐนี้
ทอม วูลฟ์ ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย ประกาศในวันอังคารว่า สำนักงานเลขานุการรัฐเพนซิลเวเนียได้รับรองผลการนับคะแนนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนแล้ว และตนได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ด้วยการลงตามใบประกาศรับรองว่า อดีตรองปธน.โจ ไบเดน และวุฒิสมาชิก คามาลา แฮร์ริส คือผู้ชนะ
รายละเอียดของผลการนับคะแนนในรัฐสมรภูมิแห่งนี้ แสดงให้เห็นว่า ว่าที่ปธน.ไบเดน ได้รับคะแนนเสียงกว่า 3.46 ล้านคคะแนนขณะที่ ปธน.ทรัมป์ ได้รับราว 3.38 ล้านคะแนน และ โจ จอร์เกนเซน ผู้สมัครจากพรรคลิเบอร์แทเรียน ได้ไปประมาณ 79,000 คะแนน
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 2016 ปธน.ทรัมป์ มีชัยเหนือ ฮิลลารี คลินตัน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตไปราว 44,000 คะแนน
เลขานุการรัฐเพนซิลเวเนีย เคธี บูคยาร์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งและผู้ดูแลหน่วยเลือกตั้งทุกคน คือ “ฮีโร่ที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย” หลังจากต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า คะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกคะแนนได้รับการนับอย่างถี่ถ้วนและปลอดภัย
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ศาลรัฐบาลกลางประจำรัฐเพนซิลเวเนีย ปฏิเสธที่จะพิจารณาคำร้องจากทีมงานหาเสียงของปธน.ทรัมป์ ให้ออกคำสั่งระงับการรับรองผลการเลือกตั้ง เนื่องจากไม่มีหลักฐานใดๆ มาอ้างอิง ขณะที่ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ศาลสูงของรัฐพิพากษาว่า บัตรลงคะแนนเลือกตั้งที่ส่งมาทางไปรษณีย์มีผลใช้งานได้ แม้ว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนั้นไม่ได้กรอกรายละเอียดที่ภายนอกซองให้ครบถ้วนก็ตาม
ขณะเดียวกัน สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า บาร์บารา เซกาฟสกี้ เลขานุการรัฐเนวาดา รับรองผลการนับคะแนนของรัฐในวันอังคาร ต่อหน้าศาลสูงรัฐ หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐลงมติเมื่อวันจันทร์ เพื่อรับรองผลว่า ว่าที่ปธน.ไบเดน คือผู้ชนะ
ตามกฎหมายสหรัฐฯ ทุกรัฐต้องรับรองผลการนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีภายในวันที่ 8 ธันวาคม ก่อนที่ คณะผู้แทนการเลือกตั้งทั้ง 538 คนจะเข้าร่วมประชุมเพื่อลงมติเลือกประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ธันวาคม