Your browser doesn’t support HTML5
รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำเตือนแจ้งผู้ประกอบการธุรกิจให้รับทราบถึงเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศจีน ที่อาจกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของบริษัทได้
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ร่วมกันออกคำเตือนสำหรับภาคธุรกิจ ที่เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ ร่วมกันกดดันจีนให้แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในกลุ่มชนชาวอุยกูร์ที่นับถือศาสนาอิสลามในประเทศที่มีรายงานออกมาอย่างต่อเนื่อง
คำเตือนดังกล่าว ระบุด้วยว่า รัฐบาลจีนจงใจดำเนินแผนงานต่างๆ ที่เป็นการแบ่งแยกชนชั้นและกีดกันชนกลุ่มน้อยต่างๆ เช่น ชนชาวคาซัค และชนชาวคีร์กีซด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ ยังกล่าวในแถลงการณ์นี้ว่า ทางกระทรวงฯ เรียกร้องให้ภาคธุรกิจพิจารณาความเสี่ยงทางด้านชื่อเสียง เศรษฐกิจ และกฎหมายเสมอ หากต้องมีการข้องแวะกับกลุ่มคนเหล่านี้ รวมทั้งเตรียมหาตัวเลือกสำรองสำหรับห่วงโซ่อุปทานของตนไว้
เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ขึ้นชื่อบริษัท 7 แห่งและสถาบัน 2 แห่งในบัญชีดำของตน ด้วยเหตุว่ามีส่วนร่วมรับรู้การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำที่เป็นการล่วงละเมิดต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการที่รัฐบาลจีนกดขี่ กักขัง บังคับใช้แรงงาน และใช้เทคโนโลยีชั้นสูงสอดส่องความเป็นไปของชนชาวอุยกูร์
ขณะเดียวกัน ทางการสหรัฐฯ ยังขึ้นชื่อบริษัทสัญชาติจีนจำนวน 37 แห่งในบัญชีดำ ที่ห้ามไม่ให้ซื้อหาสินค้าและเทคโนโลยีอเมริกัน รวมทั้งส่งสินค้าเข้าตลาดอเมริกันด้วย
และในวันพุธที่ผ่านมา สำนักงานศุลกากรและการป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ หรือ CBP สั่งห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์วิกและเครื่องประดับผมมูลค่า 800,000 ดอลลาร์ที่ส่งมาจากบริษัทจีนซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลซินเจียง เนื่องจากสงสัยว่าเป็นสินค้าที่ผลิตโดยแรงงานของผู้ต้องขังและแรงงานที่ถูกบังคับโดยไม่ได้รับค่าจ้างและให้ทำงานล่วงเวลา
รายงานข่าวแจ้งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนได้เตือนสหรัฐฯ ไม่ให้แทรกแซงกิจการของจีน และระบุว่า สถานการณ์ในมณฑลซินเจียง ที่ชาวอุยกูร์อาศัยอยู่นั้นเป็นเรื่องภายในของประเทศ
องค์การสหประชาชาติกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ได้มีการทำการสำรวจและรายงานที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของชนชาวอุยกูร์ ที่ระบุว่า มีผู้นับถือศาสนาอิสลามราว 1 ล้านคนถูกคุมขังอยู่ในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรชาวมุสลิมอุยกูร์ ที่พูดภาษาตุรกีและถูกกดขี่โดยรัฐบาลกรุงปักกิ่งมาโดยตลอด
แต่รัฐบาลจีนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ามีการทารุณกรรมชาวอุยกูร์และย้ำว่า ค่ายต่างๆ ในมณฑลซินเจียงนั้นเป็นศูนย์ฝึกแรงงานสำหรับประชาชน
สำหรับประเด็นการห้ามนำเข้าสินค้าล่าสุดนี้ โฆษกของสถานทูตจีนประจำสหรัฐฯ กล่าวในอีเมล์ที่ส่งออกมาว่า การตั้งข้อสงสัยเรื่องการบังคับใช้แรงงานนั้นเป็นเพียงความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะโค่นล้มธุรกิจจีนมากกว่า