สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า บริษัทสัญชาติอเมริกันหลายแห่ง มีความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในฮ่องกง จากกรณีที่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงใหม่ ที่จะนำมาบังคับใช้ในเขตกึ่งปกครองตนเองนี้ในปลายปี รวมทั้งไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคตในระยะกลางของศูนย์กลางการเงินของเอเชียแห่งนี้ แต่มีเพียงไม่กี่รายที่กำลังพิจารณาย้ายกิจการออกมา
รายงานข่าวที่อ้างข้อมูลจากการสำรวจโดยหอการค้าอเมริกันในฮ่องกง เปิดเผยว่า กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทสัญชาติอเมริกันที่เป็นสมาชิกจำนวน 180 แห่ง หรือ 15 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ที่ตอบแบบสอบถาม รู้สึกกังวล “มากพอควร” และ “มาก” เพราะร่างกฎหมายใหม่ของรัฐบาลกรุงปักกิ่ง
ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐในฮ่องกงเองยอมรับว่า ยังไม่แน่ใจว่าเนื้อหาและอำนาจในกฎหมายใหม่นี้เป็นอย่างไร แต่พยายามเน้นว่า จะมีผลเฉพาะกับคนจำนวนไม่มาก แม้ผู้สันทัดกรณีจะเชื่อว่า กฎหมายนี้เป็นเหมือนกฎหมายจีนที่ใช้ในการปราบปราบการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งส่งผลให้นักเคลื่อนไหวมากมายถูกจำคุกในข้อหาพยายามล้มล้างการปกครอง
หอการค้าอเมริกันในฮ่องกง กล่าวว่า ผู้ที่ตอบแบบสอบถามนั้นเข้าใจดีถึงความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายดังกล่าว หลังเหตุประท้วงรุนแรงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงดำเนินต่อเนื่องมานานหลายเดือน แต่บางรายกลัวว่า กฎหมายนี้อาจนำไปสู่การคุกคามและการละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือแม้กระทั่งมาตรการจำกัดอื่นๆ ต่อไป
นอกจากนั้น กว่าครึ่งของบริษัทที่ร่วมตอบแบบสอบถามยังกังวลเกี่ยวกับความกำกวมของตัวกฎหมายและผลกระทบต่อระบบการปกครองตนเองแบบอิสระของฮ่องกง ซึ่งอาจทำให้เขตกึ่งปกครองตนเองของจีนนี้สูญเสียสถานะการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม ราว 70 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่ร่วมการสำรวจกล่าวว่า ยังไม่มีแผนที่จะย้ายตัวเองออกจากฮ่องกงในเวลานี้ ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 3 ใน 4 กล่าวว่า กำลังจับตาดูท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยุติความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้ากับฮ่องกง แต่ยังไม่ได้ลงมือกระทำการใดๆ จริง