ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นกล่าวปราศรัยที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติครั้งแรกของ ปธน.ทรัมป์
ผู้นำสหรัฐฯ เร่งเร้าให้มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ภายในองค์การสหประชาชาติ เพื่อให้องค์กรแห่งนี้สามารถสนับสนุนสันติภาพทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น
ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า สหประชาชาติจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชนทั่วโลกกลับคืนมา ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อสหประชาชาติต้องสร้างความรับผิดชอบในการบริหารในทุกระดับ ปกป้องผู้เปิดเผยข้อมูลการกระทำผิดในองค์กรใดๆ ก็ตาม หรือ Whistleblower และมุ่งไปที่ผลลัพธ์มากกว่ากระบวนการ
ปธน.ทรัมป์ ระบุว่า ที่ผ่านมาสหประชาชาติยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มศักยภาพ เนื่องจากขนาดองค์กรที่ใหญ่โตเทอะทะ และระบบการทำงานที่ล้าสมัย ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ กระตุ้นให้เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ นายแอนโตนิโอ กูเตียเรซ ใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อปฏิรูปองค์การสหประชาชาติให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น
คำกล่าวของ ปธน.ทรัมป์ ครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากพิธีลงนามของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนกระบวนการปฏิรูปสหประชาชาติที่มีนายกูเตียเรซเป็นผู้ผลักดัน

President Donald Trump participates in a photo before the beginning of the "Reforming the United Nations: Management, Security, and Development" meeting during the United Nations General Assembly, Monday, Sept. 18, 2017
ด้านนายแอนโตนิโอ กูเตียเรซ เลขาธิการใหญ่ UN กล่าวต่อที่ประชุมว่า สหประชาชาติจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และมีความคล่องตัวมากขึ้น
ที่ผ่านมาก่อนที่จะชนะการเลือกตั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ คือหนึ่งในผู้ที่กล่าววิจารณ์สหประชาชาติมาโดยตลอด โดยบอกว่า UN ไม่ใช่พันธมิตรของประชาธิปไตยและสหรัฐฯ
ปธน. ทรัมป์ มีกำหนดขึ้นกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในวันพรุ่งนี้ คือวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ
ภายหลังการกล่าวปราศรัยที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในวันจันทร์ ปธน. ทรัมป์ ได้พบหารือกับนายกฯ อิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู และได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวหลังการหารือว่า ตนมีความมั่นใจว่า มีโอกาสที่จะเกิดข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ขึ้น
ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่าทั้งผู้นำอิสราเอล และผู้นำปาเลสไตน์ ต่างต้องการให้ข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้น เช่นเดียวกับรัฐบาลสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามถึงข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ที่สหรัฐฯ และประเทศมหาอำนาจ 5 ประเทศ ทำไว้กับอิหร่านเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ว่ามีโอกาสจะเดินหน้าต่อหรือไม่นั้น ปธน.ทรัมป์ กลับเลี่ยงที่จะตอบคำถาม และบอกว่าให้รอดูต่อไป