รัสเซียเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า กองกำลังของตนเพิ่งทำการป้องการการโจมตีโดยยูเครนเข้าใส่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในเมืองซาปอริห์เชียที่ตนควบคุมไว้อยู่
นิโคไล พาทรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงรัสเซีย ระบุด้วยว่า กองกำลังยูเครนยิงถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ว่าด้วย “อาวุธจากชาติตะวันตก ที่อาจนำไปสู่ความภัยพิบัติระดับโลก”
คำกล่าวอ้างของพาทรูเชฟนั้นมีออกมา หลังเสนาธิการทหารยูเครนกล่าวว่า รัสเซียนั้นทำการโจมตีด้วยปืนใหญ่อย่างหนักโดยพุ่งเป้าไปยังพื้นที่หลายจุด ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งเสบียงพลังงานสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริห์เชีย ซึ่งเป็นโรงผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป
ทั้งนี้ บริษัท Energoatom ซึ่งดูแลโรงไฟฟ้าแห่งนี้กล่าวว่า สายส่งพลังงานที่เชื่อมต่อกับโรงไฟฟ้านี้ที่ตั้งอยู่ในภาคใต้ของยูเครนถูกตัดขาดไปแล้ว หลังเกิดความเสียหายที่สายส่งไฟฟ้าแรงสูง จนในเวลานี้ต้องพึ่งพาเครื่องปั่นไฟพลังงานดีเซลแทน
ขณะที่ ทั้งรัสเซียและยูเครนต่างออกมาปฏิเสธคำกล่าวหาของฝ่ายตรงข้ามมาเกี่ยวกับการโจมตีตัวโรงไฟฟ้าแห่งนี้มาโดยตลอด การต่อสู้อย่างหนักหน่วงระหว่างทั้งสองในเขตปกครองลูฮันสก์และดอแนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานหลายสายระบุว่า รัสเซียทำการโจมตีเมืองครีฟยี รีห์ ในพื้นที่ภาคกลางของยูเครน และเมืองซูมีและเมืองคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะเดียวกัน ในวันพฤหัสบดี สมาชิกกลุ่มประเทศจี-7 ได้เริ่มต้นการประชุมเป็นระยะเวลา 2 วัน ที่เมืองมูนสเตอร์ ของเยอรมนี เพื่อหารือวิธีที่ดีที่สุดในการประสานงานและการเดินหน้าสนับสนุนยูเครน
ในวันเดียวกันนี้เอง เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวระหว่างร่วมงานแถลงข่าวที่ประเทศจอร์แดนว่า รัฐบาลมอสโกได้เรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติทำหน้าที่ของตนตามข้อตกลงทะเลดำ เพื่อลดแรงกดดันต่อการส่งออกอาหารของรัสเซียแล้ว
SEE ALSO: ‘รัสเซีย’กลับลำร่วมข้อตกลงทะเลดำอีกครั้ง
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รัสเซียตัดสินใจกลับลำเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าวที่มีจุดประสงค์เปิดทางให้ยูเครนส่งออกธัญพืชผ่านเส้นทางในทะเลดำอีกครั้ง หลังเพิ่งประกาศเมื่อวันเสาร์ที่แล้วว่า มอสโกขอระงับการมีส่วนร่วมกับโครงการนี้ โดยอ้างว่าเป็นเพราะยูเครนใช้โดรนโจมตีกองเรือทะเลดำของตน
อย่างไรก็ตาม ยูเครนระบุว่า ตนจะไม่สัญญาทำการใด ๆ เพิ่มเติมภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว โดย โอเลก นิโคเลนโก โฆษกของรัฐบาลกรุงเคียฟ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กในวันพฤหัสบดีว่า ยูเครนไม่เคยใช้ “ระเบียง” ธัญพืชทะเลดำ เพื่อจุดประสงค์ทางทหารและไม่คยมีความตั้งใจจะทำเช่นนั้นด้วย
- ที่มา: วีโอเอ เอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์