เจ้าหน้าที่ยูเครนเรียกร้องให้ประชาคมโลกโดดเดี่ยวรัสเซียมากยิ่งขึ้น หลังจากที่กองทัพรัสเซียระดมโจมตีใส่เป้าหมายที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนในหลายเมืองทั่วยูเครน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยูเครน โอเลก นิโคเลนโก กล่าวว่า รัสเซียควรถูกขับออกจากกลุ่ม G-20 และควรยกเลิกเทียบเชิญประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เข้าร่วมการประชุมกลุ่ม G-20 ในเดือนนี้ที่อินโดนีเซียด้วย
"ปูตินสั่งการอย่างเปิดเผยให้โจมตีด้วยขีปนาวุธใส่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือนและพลังงานของยูเครน... ซึ่งเจ้าของมือที่เปื้อนเลือดนี้ไม่ควรได้รับอนุญาตให้นั่งบนโต๊ะร่วมกับผู้นำโลกคนอื่น ๆ " โฆษกนิโคเลนโกระบุในทวิตเตอร์
ด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า "รัสเซียไม่ควรอยู่ในคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติอีกต่อไป" และว่า การที่รัสเซียทำลายโครงสร้างด้านพลังงานของยูเครน และพยายามปลุกปั่นให้เกิดวิกฤตอาหารโลก แสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัสเซียไม่ควรได้รับการยอบรับในประชาคมโลกอีกต่อไป
กองทัพยูเครนระบุว่า การโจมตีครั้งใหญ่ของรัสเซียในเช้าวันจันทร์โดยใช้ขีปนาวุธกว่า 50 ลูก ทำลายระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในหลายเมืองของยูเครนรวมถึงกรุงเคียฟและเมืองคาร์คิฟ ทำให้เกิดไฟฟ้าดับ และประชาชนไม่มีน้ำประปาใช้ในบริเวณกว้างหลายจุด
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ยืนยันว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการแก้เเค้นของรัสเซียหลังจากที่กองเรือของรัสเซียในทะเลดำถูกยูเครนโจมตีด้วยโดรนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทางยูเครนมิได้ออกมายอมรับหรือปฏิเสธว่า เป็นผู้โจมตีจริงหรือไม่
กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุว่า ยูเครนใช้โดรน 16 ลำโจมตีกองเรือในทะเลดำใกล้กับท่าเรือเซวาสโทโพล ในไครเมีย ช่วงเช้าวันเสาร์ และว่าผู้เชี่ยวชาญของกองทัพเรืออังกฤษ ได้ช่วยเหลือในการโจมตีที่รัสเซียเรียกว่าเป็นการก่อการร้าย แต่ทางอังกฤษปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัสเซีย
และเมื่อวันเสาร์ รัฐบาลมอสโกประกาศถอนตัวจากข้อตกลงทะเลดำ ซึ่งมีผลให้ตัดช่องทางการส่งธัญพืชจากยูเครน หนึ่งในผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลกทันที โดยรัสเซียกล่าวว่า เป็นการตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ของยูเครน
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอฟพี และรอยเตอร์