รัสเซียระงับบทบาทของตนในข้อตกลงทะเลดำ ที่เปิดทางให้ยูเครนสามารถส่งออกธัญพืชจากท่าเรือทะเลดำอย่างปลอดภัย ท่ามกลางสงครามที่กินเวลามาหลายเดือน
เมื่อวันจันทร์ ยูเครนระบุว่าเรือขนส่งสินค้ากว่า 200 ลำติดค้างอยู่ที่ท่าเรือหลังจากรัสเซียประกาศถอนตัวจากข้อตกลงทะเลดำ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
การส่งออกในเส้นทางนี้มีความสำคัญอย่างมาก เพราะยูเครนและรัสเซียเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ น้ำมันดอกทานตะวัน และสินค้าอาหารอื่น ๆ ไปยังกลุ่มประเทศในแอฟริกา ตะวันออกกลาง และบางพื้นที่ในเอเชีย ที่ประสบวิกฤตด้านอาหารในขณะนี้
นักวิเคราะห์ ต่างกล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่บริษัทประกันจะดูแลความเสียหายจากการขนส่งทางเรือจากยูเครน ที่ปราศจากการคุ้มครองจากฝั่งรัสเซีย หลังจากรัฐบาลมอสโกกล่าวหาว่ายูเครนโจมตีกองเรือรัสเซียด้วยโดรน จนต้องขอระงับบทบาทในข้อตกลงที่ทำระหว่างกันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทางโฆษกรัฐบาลเครมลิน ดมิทรี เพสคอฟ กล่าวว่า การบังคับใช้ข้อตกลงขนส่งธัญพืชนี้ “เป็นไปได้ยาก” เมื่อ “รัสเซียพูดถึงความเป็นไปไม่ได้ในการรับรองความปลอดภัยของการเดินเรือในน่านน้ำที่เป็นประเด็นพิพาทอยู่นี้”
การตัดสินใจของรัสเซียครั้งนี้จะส่งผลต่อทั่วโลกอย่างไรบ้าง? ท่ามกลางประเด็นความมั่นคงด้านอาหารและราคาสินค้าอาหารที่พุ่งสูงทั่วโลก
ความสำเร็จของข้อตกลงทะเลดำในช่วงที่ผ่านมา?
ยูเครนและรัสเซีย ลงนามใน “ข้อริเริ่มทะเลดำ” (Black Sea Initiative) ซึ่งเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากในความร่วมมือระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังรัสเซียส่งกองทัพบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยการผลักดันของสหประชาชาติและตุรกี ซึ่งเปิดทางให้ธัญพืชกว่า 9 ล้านตันส่งผ่านเรือ 397 ลำจากท่าเรือยูเครน
ภายใต้ข้อตกลงส่งออกธัญพืช ได้ทำให้ราคาอาหารโลกลดลงราว 15% จากช่วงที่ราคาพุ่งสูงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อ้างอิงจากข้อมูลของสหประชาชาติ และทางเลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเทอเรซ ได้เรียกร้องให้รัสเซียและยูเครน ต่ออายุข้อตกลงนี้ที่จะหมดอายุในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้อีกด้วย
โจเซฟ เกลาเบอร์ นักวิเคราะห์อาวุโสจากสถาบัน International Food Policy Research Institute กรุงวอชิงตัน หลังจากการประกาศถอนตัวจากข้อตกลงทะเลดำของรัสเซีย ราคาข้าวสาลีในตลาดซื้อขายล่วงหน้าพุ่งสูงกว่า 5% ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ที่ชิคาโก ในช่วงจังหวะที่ตลาดสินค้าอาหารทั่วโลกตึงตัว ประเทศรายได้น้อยต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อนำเข้าธัญพืช
ก่อนข้อตกลงดังกล่าวจะเกิดขึ้น สหรัฐฯ และยุโรป กล่าวหารัสเซียว่าทำให้หลายพื้นที่ของโลกต้องตกอยู่ภาวะขาดแคลนอาหารจากการปิดกั้นการส่งออกธัญพืช แต่เมื่อข้อตกลงนี้ถือกำเนิดขึ้น ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้กล่าวหาว่าธัญพืชที่ส่งออกไปส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปยังยุโรปมากกว่าประเทศที่ขาดแคลนอาหารในพื้นที่อื่น ๆ ของโลก
อย่างไรก็ตาม ทางที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด (UNCTAD) ระบุเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ข้าวสาลีที่ส่งออกไปมีจุดหมายปลายทางในประเทศที่ยากจน โดยเกือบ 20% ของข้าวสาลีส่งออกไปยังประเทศด้อยพัฒนา
ยูเครน ระบุว่า ธัญพืชมากกว่า 5 ล้านตัน ได้ส่งออกไปยังแอฟริกาและเอเชีย โดยข้าวสาลีราว 190,000 ตันถูกส่งไปยังประเทศที่อยู่ภายใต้ความช่วยเหลือของโครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ
เรือสินค้าที่ออกเดินเรือไปแล้วจะได้รับผลกระทบหรือไม่?
เรือขนส่งข้าวสาลีราว 30,000 ตันที่จะส่งไปยังเอธิโอเปีย ออกเดินทางจากท่าเรือไปเมื่อวันจันทร์ ตามข้อมูลของทางการยูเครน โดยเป็นหนึ่งในเรือขนส่งกว่าสิบลำ ที่บรรทุกธัญพืชกว่า 354,000 ตัน ทางยูเครนระบุว่า เรือขนส่งมุ่งหน้าออกจากท่าเรือไปหลังจากสหประชาชาติและตุรกี เห็นชอบที่จะให้เรือขนส่งเดินทางผ่านเส้นทางที่เรียกว่าระเบียงมนุษยธรรมได้ เนื่องจากเอธิโอเปีย โซมาเลีย และเคนยา กำลังประสบปัญหาภัยแล้งเลวร้ายในรอบหลายทศวรรษ
เกลาเบอร์ ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า คำถามที่ต้องตามต่อก็คือเรือขนส่งลำใหม่จะกล้าเสี่ยงที่จะเดินเรือโดยปราศจากการรับรองของรัสเซีย “ผมคาดเดาคำตอบคือไม่” และว่าสำหรับ “บริษัทประกันที่รับประกันเรือขนส่งเหล่านี้ คงจะปรับขึ้นเบี้ยประกันแน่นอน”
วิลเลียม ออสนาโต นักวิเคราะห์อาวุโสด้านข้อมูลการเกษตรจากบริษัทวิเคราะห์ Gro Intelligence ระบุว่า ข้อมูลแผนที่ติดตามเส้นทางเดินเรือล่าสุดนี้ ไม่พบว่ามีเรือขนส่งมุ่งหน้ามายังโอเดซาแต่อย่างใด
โฆษกหญิงจากศูนย์ประสานงานร่วมด้านโลจิสติกส์และการตรวจสอบเรือ ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อเอพีสอบถามเกี่ยวกับเรือขนส่งที่มีแผนจะเดินทางต่อไปแม้รัสเซียถอนตัวจากข้อตกลงทะเลดำ
เกิดอะไรขึ้นตอนนี้?
เมื่อวันจันทร์ รัสเซียได้นำประเด็นเรื่องการโจมตีท่าเรือท่าเรือเซวาสโทโพล เข้าหารือกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และทางรัฐบาลเครมลินเสนอที่จะจัดสรรธัญพืชสูงสุดถึง 500,000 ตัน “ให้กับประเทศยากจนที่สุดในโลกโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในระยะเวลา 4 เดือนข้างหน้า” และว่า “ยังคงมีการสื่อสารกับทางตุรกีและสหประชาชาติต่อไป”
ระหว่างที่มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกธัญพืช และข้อตกลงคู่ขนานในช่วงภาวะสงครามมีขึ้นเพื่อเปิดทางให้มีการส่งออกสินค้าอาหารและปุ๋ยของรัสเซียอย่างระมัดระวัง
เกลาเบอร์ บอกว่า ประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศจะต้องหาประเทศผู้ส่งออกรายใหม่แทนรัสเซียและยูเครน อย่างเช่น สหรัฐฯ อาร์เจนตินา และออสเตรเลีย อีกทั้งยังต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อนำเข้าสินค้า ในช่วงที่ภาวะภัยแล้งและฝนตกหนักยังคงเป็นปัญหาสำคัญในหลายประเทศทั่วโลก
ขณะที่ปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่พุ่งสูงขึ้นผลักดันให้ผู้ผลิตสินค้าเกษตรต้องปลูกเพิ่มขึ้นไปด้วย อย่างกรณีของผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหม่อย่างบราซิลและอินเดีย ต้องเพิ่มการผลิตและส่งออกเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อทดแทนการส่งออกข้าวสาลีของยูเครนที่คิดเป็นสัดส่วน 10% ของปริมาณข้าวสาลีที่ส่งออกไปทั่วโลก
ปัจจัยอื่นที่กระทบกับตลาดอาหารโลก?
ปีเตอร์ เมเยอร์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ด้านธัญพืชและน้ำมันจาก S&P Global Platts แสดงความคลางแคลงใจเกี่ยวกับการตัดสินใจของรัสเซียว่าอาจจะส่งผลกระทบระยะยาวต่อราคาและปริมาณของข้าวโพดและธัญพืช
ขณะที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าข้อตกลงนี้จะดำเนินต่อไปได้ยาวนานแค่ไหน จุดสังเกตหนึ่ง คือ ราคาข้าวโพดที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่จัดทำข้อตกลงทะเลดำเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
เมเยอร์ มองว่า ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่กระทบกับตลาดธัญพืชทั่วโลก รวมทั้งระดับน้ำที่ลดลงในแม่น้ำมิสซิสซิปปี ที่ทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ล่าช้าลง และผลผลิตข้าวโพดที่ลดลงอย่างน่าผิดหวังในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของอเมริกา
ชอว์น เฟอร์ริส ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดสินค้าเกษตรเคนยา แห่ง Catholic Relief Services พันธมิตรของโครงการอาหารโลก บอกว่า ในกรณีของแอฟริกา ที่ราคาสินค้าเกษตรยังคงพุ่งสูงต่อเนื่อง ยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวล “เรื่องนี้จะส่งแรงกระแทกกับตลาดสินค้าเกษตรทั่วโลก และคิดว่าจะทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นไประยะหนึ่ง” และว่า “ราคาสินค้าเกษตรในแอฟริกาตะวันออก ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่แล้ว ยังไม่มีทีท่าจะลดความร้อนแรงลงในระยะเวลาอันใกล้นี้แน่นอน”
อีกประเด็นหนึ่ง การส่งออกของยูเครนที่ล่าช้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกระทบราคาสินค้าเกษตรโลกเช่นกัน จากที่ประเทศตอนเหนือของแอฟริกาและตะวันออกกลาง ที่ขนมปังเป็นอาหารสำคัญของผู้คนที่นั่น และไม่มีทางเลือกอื่น เช่น ข้าว เหมือนกับในเอเชีย และสิ่งนี้อาจเพิ่มความวุ่นวายและนำไปสู่ปัญหาสังคมอื่น ๆ ตามมาในกลุ่มประเทศที่ประสบปัญหาราคาสินค้าอาหารพุ่งสูงได้เช่นกัน
- ที่มา: เอพี