Your browser doesn’t support HTML5
ในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในสภาพย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ มีรายงานว่า มหาเศรษฐีพันล้านทั้งหลายกลับมีฐานะร่ำรวยขึ้นกว่าเดิม โดยมูลค่าสินทรัพย์รวมได้เพิ่มขึ้นถึง 10.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่วิกฤตโควิด-19 ยกระดับความรุนแรงขึ้นสูงสุดเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้
สื่อ เดอะ การ์เดียน รายงานโดยอ้างข้อมูลจากธนาคาร UBS ของสวิตเซอร์แลนด์ ว่า สินทรัพย์ของมหาเศรษฐีพันล้านทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นถึงกว่า 27.5 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงระหว่างเดือนเมษายนและเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คนหลายล้านต้องตกงานหรือหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลของตน
ธนาคาร UBS ระบุว่า สินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นมากมายนั้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลก หลังซบเซาหนักในช่วงเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน โดยการเพิ่มขึ้นของความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีหลายรายในครั้งนี้ทำลายสถิติเก่าที่ 8.9 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อช่วงปลายปี ค.ศ. 2017 ขณะที่จำนวนมหาเศรษฐียังเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,189 ราย เมื่อเทียบกับระดับ 2,158 รายที่บันทึกไว้เมื่อ 2 ปีก่อนด้วย
ลุค ฮิลยาร์ด ผู้บริหารของหน่วยงานวิจัยค้นคว้า High Pay Centre กล่าวว่า ถ้าหากมองในแง่ของศีลธรรมแล้ว การกระจุกตัวของความร่ำรวยแบบสุดขีด ของคนแค่จำนวนหนึ่ง เป็น “ปรากฏการณ์อันน่าเกลียด” และยังเป็นภัยทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย ขณะที่รายงานชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่า การที่คนที่ร่ำรวยมากๆ อยู่แล้ว กลับรวยขึ้นไปอีกในช่วงนี้ คือสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ระบบทุนนิยมนั้นไม่ได้ใช้งานได้จริงดังที่ควรเลย
แม้ UBS จะไม่ได้จัดอันดับความร่ำรวยของมหาเศรษฐีทั่วโลกออกมา รายงานชิ้นนี้ระบุว่า ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในเวลานี้คือ เจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ของ แอมะซอน ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่ 189,000 ล้านดอลลาร์ โดยดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านของ สำนักข่าว บลูมเบิร์ก ระบุว่า สินทรัพย์ของ เบโซส เพิ่มขึ้นราว 74,000 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปีมา