องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD เชื่อว่า เศรษฐกิจโลกโดยรวมอยู่ในสภาพที่ดีกว่าคาด ภายใต้แรงกดดันของวิกฤติโควิด-19 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจเกือบทุกประเทศทั่วโลก ยกเว้นประเทศจีน หดตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในปีนี้
OECD ซึ่งมีสมาชิกและพันธมิตรเป็นประเทศในตะวันตกทั้งหมด 37 รายและมีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส เปิดเผยในวันพุธว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้น่าจะหดตัว 4.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอัตราที่น้อยกว่าการคาดการณ์เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ระดับ -6 เปอร์เซ็นต์
ในส่วนของปีหน้า OECD เชื่อว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวกลับมาได้และขยายตัวในอัตราเฉลี่ยที่ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ย้ำว่า ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการระบาดของโคโรนาไวรัสซึ่งยังไม่มีใครควบคุมได้และอาจส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจโลกได้อยู่
โลรองซ์ บูน นักเศรษฐศาสตร์ของ OECD ให้ความเห็นว่า โดยรวม แรงส่งของการขยายตัวของเศรษฐกิจเริ่มลดลงแล้ว ขณะที่ความมั่นใจในเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ในปี ค.ศ. 2021 นั้น OECD คาดว่า ยังน่าจะมีการระบาดเกิดขึ้นเป็นจุดๆ และเชื่อว่า วัคซีนต้านโควิด-19 จะมีพร้อมใช้งานทั่วโลกจริงในช่วงปลายปีหน้า หรืออย่างน้อย ช้ากว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คาดการณ์ไว้
องค์การฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้จะออกมาดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยจะหดตัวราว 3.8 เปอร์เซ็นต์ แทนที่จะติดลบ 7.3 เปอร์เซ็นต์ตามการประเมินครั้งแรก
แต่ โลรองซ์ บูน เตือนว่า พัฒนาการทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั้นขึ้นอยู่กับว่า ทำเนียบขาวและรัฐสภาจะบรรลุข้อตกลงแผนช่วยเหลือรอบใหม่ สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ได้หรือไม่ เพราะหากไม่มีความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐบาล สหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 2021 น่าจะอยู่ในสภาพที่แย่ไม่น้อย
และขณะที่ประเทศส่วนใหญ่อยู่ในฐานะลำบากอยู่ OECD ระบุว่า ประเทศจีน ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก จะเป็นผู้เดียวในประเทศกลุ่มจี-20 ซึ่งจะรายงานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่ระดับ 1.8 เปอร์เซ็นต์ แทนที่จะหดตัว 2.6 เปอร์เซ็นต์ดังที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า