เศรษฐกิจของสหรัฐฯ หดตัวหนักอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และตอกย้ำการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้จะทิ้งดิ่งหนักเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่หลังช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อกว่า 8 ทศวรรษที่แล้ว
สำนักข่าว Associated Press รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ของสหรัฐฯ ลดลงถึง 31.4 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงระหว่างเดือนเมษายนและเดือนมิถุนายน ซึ่งใกล้เคียงกับที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเป็นการหดตัว 31.7 เปอร์เซ็นต์
การลดลงอย่างหนักของจีดีพีสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้รุนแรงกว่าสถิติก่อนหน้านี้ถึง 3 เท่า ที่บันทึกไว้ในไตรมาสที่ 1 ของปี ค.ศ. 1958 ซึ่งเป็นช่วงเวลาการบริหารงานของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดี ดไวต์ ไอเซนฮาวเวอร์ และเศรษฐกิจของประเทศลดลง 10 เปอร์เซ็นต์
นักเศรษฐศาสตร์ เชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสที่จะกลับมาขยายตัวในไตรมาสปัจจุบันในระดับสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ จากการที่ธุรกิจต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการและประชาชนนับล้านได้กลับเข้าทำงานอีกครั้ง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง การขยายตัวนี้จะทำลายสถิติเดิมที่จีดีพีของประเทศปรับขึ้น 16.7 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 1 ของปี ค.ศ. 1950 ภายใต้การนำของประธานาธิบดี แฮร์รี ทรูแมน
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยรายงานการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไตรมาสที่ 3 ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ หรือ 5 วันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายน
รายงานข่าวระบุว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งความหวังไว้อย่างมากว่าจะใช้ประเด็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมาดึงเสียงประชาชนให้เลือกตนให้ดำรงตำแหน่งต่อในสมัยที่ 2 แต่นักเศรษฐศาสตร์มองว่า โอกาสฟื้นตัวอย่างชัดเจนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ ยังเป็นเรื่องที่ยากที่จะเกิดขึ้น และหลายคนประเมินว่า อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างมากไปจนถึงสิ้นปีนี้ และไม่น่าจะขยายตัวเกินกว่าระดับ 4 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสสุดท้าย
นอกจากนั้น นักเศรษฐศาสตร์แสดงความกังวลว่า หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนช่วยเหลือรอบใหม่สำหรับประชาชนและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวต่อเนื่องมาเป็นเวลาถึงเกือบ 11 ปี ซึ่งเป็นสถิติการเจริญเติบโตติดต่อกันที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ก่อนจะหดตัว 5 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสแรกของปี
ณ เวลานี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า จีดีพีของสหรัฐฯ ในปีนี้ จะหดตัวราว 4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการปรับลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เมื่อมีการบันทึกอัตราการขยายตัวที่ -2.5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อปี ค.ศ. 2009 อันเป็นผลมาจากวิกฤตการเงินที่ปะทุขึ้นมาเมื่อปีก่อนหน้า
