"ทรัมป์" ลงนามคำสั่งสร้าง 'กำแพง' กั้นชายแดนเม็กซิโก พร้อมเร่งปราบ 'พื้นที่หลบภัย' คนลอบเข้าเมือง

FILE - Workers raise a taller fence along the Mexico-US border between the towns of Anapra, Mexico and Sunland Park, New Mexico, Nov. 10, 2016.

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริการเพื่อสร้างกำแพงตลอดแนวชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโก ความยาว 3,200 กม. เพื่อป้องกันคนลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ในขณะเดียวกัน ก็มีมาตรการที่มุ่งปราบปรามพื้นที่หลบภัยของผู้ลักลอบเข้าเมือง ในเมืองต่างๆ หลายร้อยเมืองทั่วสหรัฐฯ

ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร หลังจากเดินทางเยี่ยมเยือนกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ (Homeland Security) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลตามแนวพรมแดนของสหรัฐฯ

คำสั่งที่ว่านี้ถือเป็นนโยบายสำคัญที่ทรัมป์หาเสียงไว้ และเมื่อเขาไปหาเสียงที่ใด ผู้สนับสนุนเขาก็มักตะโกนว่า "Build the Wall" หรือ "สร้างกำแพง!"

n this May 1, 2016 picture, Eva Lara, second from let, reacts as she reaches for her grandmother Juana Lara through the border wall during a brief visitation near where Mexico and the United States meet at the Pacific Ocean in San Diego.

ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวกับ ABC News ว่ากระบวนการก่อสร้างกำแพงจะเริ่มขึ้นทันทีในอีกไม่กี่เดือน และรัฐบาลเม็กซิโกจะเป็นผู้จ่ายค้าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งจะเป็นไปในรูปแบบที่ซับซ้อน กล่าวคือจะไม่ใช่การจ่ายโดยตรงระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล

Your browser doesn’t support HTML5

ปธน.ทรัมป์ ยืนยันจะเบิกงบประมาณสร้างกำแพงคืนจากเม็กซิโก

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเม็กซิโกยืนยันหลายครั้งก่อนหน้านี้ว่าจะไม่จ่ายค่าก่อสร้างกำแพงดังกล่าว

เวลานี้ แนวพรมแดนของสหรัฐฯ - เม็กซิโก ส่วนใหญ๋กั้นด้วยรั้วลวดหนาม และจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองคอยลาดตระเวณ รวมทั้งมีการติดตั้งกล้องวิดีโอตามจุดต่างๆ และใช้เครื่องบินโดรนในการบินลาดตระเวณด้วย

ประธานาธิบดีเม็กซิโก เอ็นริเก้ พีน่า นีเอโต้ จะเดินทางมายังทำเนียบขาวในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเรื่องการสร้างกำแพง และประเด็นด้านความมั่นคงตามแนวพรมแดน รวมทั้งการค้าระหว่างสองประเทศ

Protesters build a wall of signs outside the White House for the Women's March on Washington during the first full day of Donald Trump's presidency, Jan. 21, 2017.

ด้านโฆษกทำเนียบขาว ฌอน สไปเซอร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐฯ จะสร้างศูนย์กักกันคนเข้าเมืองตลอดแนวพรมแดน เพื่อรองรับคนลักลอบเข้าเมืองก่อนที่จะส่งตัวกลับประเทศ

และประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังพิจารณาใช้มาตรการระงับคำขอลี้ภัยเข้ามาในสหรัฐฯ เป็นเวลา 4 เดือน รวมทั้งคำสั่งห้ามพลเมืองจากประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ได้แก่ อิรัก อิหร่าน ลิเบีย ซีเรีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน เดินทางเข้ามาสหรัฐฯ เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน

US President Donald Trump prepares to sign an executive order at Homeland Security headquarters in Washington, Jan. 25, 2017.

นอกจากคำสั่งให้สร้างกำแพงแล้วแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ยังมุ่งเป้าปราบปรามพื้นที่หลบภัยของผู้ลักลอบเข้าเมือง ในเมืองต่างๆ หลายร้อยเมืองทั่วสหรัฐฯ ที่เรียกว่า "Sanctuary City" ซึ่งหมายถึงเมืองที่เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายในเมืองเหล่านั้นมักปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางในการระบุและจับกุมผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายเพื่อส่งตัวกลับประเทศ

เมืองที่ว่านี้มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กปะปนกัน และมีหลายเมืองที่อยู่ในรัฐที่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งด้วย