'ทรัมป์' ขอร้อง 'ยูเครน-จีน' ช่วยสืบสวน โจ ไบเด้น และบุตรชาย

President Donald Trump speaks to the media on the South Lawn of the White House in Washington, Oct. 3, 2019, before boarding Marine One for a short trip to Andrews Air Force Base, Md., and then on to Florida.

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลต่างชาติช่วยสืบสวนนายโจ ไบเด้น ซึ่งยิ่งเป็นการเพิ่มกระแสความร้อนแรงในการเมืองอเมริกันในช่วงที่กำลังมีความพยายามเริ่มกระบวนการสืบสวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์

ปธน.ทรัมป์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดี โดยในคำถามที่ว่า อะไรคือสิ่งที่ทรัมป์ต้องการให้ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีเมียร์ เซเลนสเกีย ยื่นมือเข้าช่วย ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม

ปธน.ทรัมป์ ตอบว่า ตนแนะนำให้ยูเครนเริ่มการสืบสวนนายโจ ไบเด้น และบุตรชาย

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวหานายไบเด้นว่า เมื่อครั้งที่นายไบเด้นดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาและผู้นำโลกตะวันตกรายอื่นกดดันให้ยูเครนปลดอัยการสูงสุดของประเทศ เพียงเพราะต้องการปกป้องลูกชายของตนซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่งในยูเครน จากข้อกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชั่น

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ ยังได้กล่าวในวันนี้ด้วยว่า "จีนก็ควรเริ่มการสืบสวนสองพ่อลูกไบเด้นเช่นกัน" ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ กล่าวหาว่า นายฮันเตอร์ ไบเด้น ว่าใช้เครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ ทู ของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเดินทางไปจีนเมื่อปี 2013 เพื่อจัดหาเงิน 1,500 ล้านดอลลาร์จากจีนเข้าไปในกองทุนส่วนตัวที่นายฮันเตอร์เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น

บทสนทนาทางฏทรศัพท์ของผู้นำสหรัฐฯ และยูเครน ถูกนำมาเปิดเผยโดยผู้เปิดโปงข้อมูลลับ หรือ whistleblower ที่นำไปสู่ความพยายามถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ที่สั่นสะเทือนการเมืองอเมริกันอยู่ในขณะนี้?

โดยผู้เปิดโปงระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โทรศัพท์หาประธานาธิบดียูเครน เพื่อขอให้ผู้นำยูเครนช่วยหาข้อมูลที่ให้ร้ายต่ออดีตรองประธานาธิบดีไบเด้น และบุตรชาย นายฮันเตอร์ ไบเด้น ในกรณีดังกล่าว

ซึ่งตอนนี้ โจ ไบเด้น เป็นผู้สมัครของพรรคเดโมแครตที่มีคะแนนนิยมนำหน้าผู้สมัครคนอื่น และมีโอกาสเป็นผู้ท้าชิงประธานาธิบดีทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า

ทางด้าน ส.ส. อดัม ชิฟฟ์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า คำตอบของ ปธน.ทรัมป์ในวันนี้ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการใช้ตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ด้วยการกดดันผู้นำต่างชาติให้สืบสวนคู่แข่งทางการเมืองของตนเอง