Your browser doesn’t support HTML5
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารว่า ตนได้หารือกับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และจะส่งกำลังทหารของรัฐบาลกลางไปช่วยคุ้มครองพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก จนกว่าจะมีการสร้างกำแพงหรือมาตรการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ตามที่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการให้รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนกำลังพล สถานที่ หรือช่วงเวลาของการส่งกำลังทหารไปช่วยดูแลพรมแดนแต่อย่างใด
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตโจมตีเรื่องผู้อพยพข้ามพรมแดน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับขบวนคาราวานของชาวอเมริกากลางราว 1,000 คนในเม็กซิโก ที่กำลังเดินทางมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังพรมแดนสหรัฐฯ และมีบางคนที่ประกาศว่าจะข้ามพรมแดนหรือหาที่พักพิงในสหรัฐฯ ด้วย
แต่เมื่อค่ำวันจันทร์ ทางการเม็กซิโกได้ผลักดันขบวนคาราวานดังกล่าว และเสนอให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่บางคนในกลุ่มนี้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เตือนเม็กซิโกว่า จะมีปัญหายุ่งยากเรื่องการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี NAFTA หากรัฐบาลเม็กซิโกไม่สกัดกั้นขบวนคาราวานดังกล่าว ก่อนจะไปถึงพรมแดนสหรัฐฯ
และในการทวีตโจมตีเรื่องผู้อพยพเข้าเมือง ผู้นำของสหรัฐฯ ได้ตำหนิอดีตประธานาธิบดีโอบามา ว่าใช้นโยบายจับตัวแล้วปล่อย และสร้างสภาพการณ์ที่ไร้พรมแดนขึ้นด้วย
ขณะนี้รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์กำลังยกร่างกฎหมายใหม่เพื่ออุดช่องว่างที่มองว่าเป็นปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎ หมายใหม่นี้จะเปิดโอกาสให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถเนรเทศเยาวชนผู้เดินทางข้ามพรมแดนโดยไม่มีพ่อแม่ผู้ปกครองร่วมเดินทางมาด้วยได้ทันที แทนที่จะต้องรอกระบวนการไต่สวนในศาล เพราะเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ชี้ว่า หลังจากที่ถูกจับกุมและถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว เยาวชนผู้ลักลอบเข้าเมืองเหล่านี้มักไม่ยอมไปแสดงตัวต่อศาล และยังหลบหนีซ่อนตัวอยู่ในสังคมอเมริกันต่อไป
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตเมื่อค่ำวันจันทร์ด้วยว่า กฎหมายคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ นั้นอ่อนแอ เมื่อเทียบกับกฎหมายของเม็กซิโกกับแคนาดา
การโจมตีเรื่องคนเข้าเมืองและท่าทีเกี่ยวกับเยาวชนซึ่งเป็นลูกหลานผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ โดยไม่มีสถานะทางกฎหมาย หรือที่เรียกว่ากลุ่ม dreamers ได้เปลี่ยนไปหลังจากที่รัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2561 มูลค่า 1 ล้านล้าน 3 แสนล้านดอลลาร์ และจัดสรรเงินเพียง 1,600 ล้านดอลลาร์จากคำของบประมาณสร้างกำแพง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีทรัมป์
และเงินงบประมาณ 1,600 ล้านดอลลาร์ที่ว่านี้ ได้ถูกกำหนดให้ใช้เพื่อซ่อมแซมแนวกำแพงที่มีอยู่เดิมโดยเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อสร้างแนวกำแพงใหม่ตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการแต่อย่างใด