รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ Jeff Sessions กดดัน 4 เมืองที่ให้ที่พักพิงแก่ผู้อพยพโดยผิดกฏหมาย หรือ Sanctuary City ในรัฐ Maryland, New Mexico และ California ด้วยการเตรียมตัดออกจากโครงการช่วยเหลือในการปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ส่งจดหมายถึง 4 เมือง ได้แก่ Albuquerque ในรัฐ New Mexico เมือง Baltimore ในรัฐ Maryland รวมทั้งที่เมือง Stockton และ San Bernardino ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
ในจดหมายของกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ภายในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ทั้ง 4 เมืองจะต้องส่งหนังสือยินยอมให้ Immigration and Customs Enforcement หรือ ICE หน่วยงานบังคับใช้กฏหมายตรวจตราพรมแดนและศุลกากรของรัฐบาลกลาง เข้าถึงข้อมูลในเรือนจำ และแจ้งต่อรัฐบาลกลางภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับในที่ต้องคดีละเมิดกฏหมายผู้อพยพทุกครั้ง
ไม่เช่นนั้นจะถือว่าขาดคุณสมบัติในการเข้าร่วมโครงการ Public Safety Partnership ที่รัฐบาลกลางจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรเพื่อช่วยปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดและอาชญากรท้องถิ่น
ทั้ง 4 เมืองอยู่ในรายชื่อของ Sanctuary City และมีสถิติการก่ออาชญากรรมและความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
โดยมีคดีฆาตกรรมในเมือง Baltimore ของรัฐ Maryland พุ่งสูงกว่า 2 เท่าตัวในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้
ขณะที่เมือง San Bernardino รัฐแคลิฟอร์เนีย มีรายงานเหตุฆาตกรรมเมื่อปีก่อนถึง 62 คดีในปีเดียว ตามหลังเหตุก่อการร้ายเมื่อ 2 ปีก่อน ที่มือปืน 3 คน บุกกราดยิง 14 ศพ ในศูนย์การแพทย์ผู้พิการทางสมอง Inland Regional Center
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตั้งเป้าจะจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรเพื่อปราบปรามอาชญากรรมนี้ให้กับ Sanctuary City ทั้ง 12 เมือง ซึ่งพิจารณาจากอัตราการก่ออาชญากรรมและความรุนแรงที่สูง ด้วยการกดดันให้รัฐบาลท้องถิ่นร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฏหมายผู้อพยพของรัฐบาลกลาง
ที่ผ่านมา รัฐมนตรียุติธรรม Sessions ให้ความสำคัญกับการลดอัตราการก่ออาชญากรรม ที่เขาเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้อพยพเข้าสหรัฐฯอย่างผิดกฏหมาย
ทว่าแนวทางของรัฐมนตรียุติธรรมรายนี้ กลับสวนทางกับแนวทางของรัฐบาลท้องถิ่นที่เป็น Sanctuary City มาโดยตลอด