วิเคราะห์ 'ความผิดพลาดของทรัมป์' ในการเยือนต่างประเทศครั้งแรก เหนื่อยล้า? อายุ? หรือความเคยชิน?

US President Donald Trump, center, Israeli Prime Minister Benjamin Netanyahu, right, and President Rueven Rivlin sit during welcome ceremony in Tel Aviv, Monday, May 22,2017.

ผู้สันทัดกรณีชี้ว่า 'โดนัลด์ ทรัมป์' เคยมีประวัติพูดผิดหรือให้ข้อมูลไม่ถูกต้องมาแล้วหลายครั้ง

Your browser doesn’t support HTML5

Trump Trip Fatigue

ประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางกลับถึงสหรัฐฯ หลังการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรก และมีคำถามที่ตามมาว่าความผิดพลาดบางอย่างหรือการใช้คำพูดที่ไม่ตรงกับบทในคำปราศรัยนั้น เป็นผลมาจากความเหนื่อยล้าหลังการเดินทางระยะไกล? จากอายุที่มากถึง 70 ปีแล้ว?

หรือจากความเคยชินที่มักพูดตามใจตัวเอง?

ตัวอย่างคือระหว่างการกล่าวปราศรัยในตะวันออกกลาง ซึ่งถึงแม้บทในคำปราศรัยจะระบุให้ใช้คำว่า “Islamist Extremism” หรือผู้นับถือศาสนาอิสลามที่มีแนวคิดสุดโต่ง เพื่อแยกแยะระหว่างชาวมุสลิมโดยรวม กับผู้ที่พยายามนำศาสนามาปะปนกับแนวคิดทางการเมืองด้วยวัตถุประสงค์เพื่อความรุนแรงก็ตาม

แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ยังคงใช้ถ้อยคำอื่นแทนคำที่ได้กำหนดไว้ในบทปราศรัย ถึงแม้จะเคยโจมตีอดีตประธานาธิบดีโอบามาและนางฮิลลารี คลินตัน ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งว่า ไม่ใช้คำเรียกกลุ่มก่อการร้ายอย่างเฉพาะเจาะจงพอก็ตาม

นาย Barry Strauch ผู้ศึกษาเรื่องปัญหาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางระยะไกลหรือ Jet Lag ชี้ว่า

"ถึงแม้ความอ่อนเพลียอาจจะเป็นเหตุผลของเรื่องนี้ได้ แต่กรณีดังกล่าวก็ไม่น่าเกิดขึ้นกับประธานาธิบดีทรัมป์ เพราะผู้นำสหรัฐฯ นั้นเดินทางโดยเครื่องบิน Air Force One ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกและมีที่นอนสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเพียงพอ"

และผู้สังเกตการณ์บางคนก็ชี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยมีประวัติการพูดผิด หรือการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมาแล้วหลายครั้ง เช่น การกล่าวว่าสหรัฐฯ ได้ยิงจรวดขีปนาวุธ 59 ลูกถล่มอิรัก ทั้งที่โดยแท้จริงแล้วเป็นการโจมตีซีเรีย

หรือการกล่าวว่าเกาหลีเหนือถูกปกครองโดยผู้นำคนเดียวกันมานานกว่า 20 ปี แต่ในความจริงแล้วเกาหลีเหนืออยู่ใต้การปกครองของผู้นำตระกูลเดียวกัน

และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบันก็เพิ่งครองอำนาจมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 เป็นต้น