โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน และ ฮิลลารี คลินตั้น ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ขึ้นเวทีดีเบตรอบสองในเวลา 21.00 น. คืนวันอาทิตย์ตามเวลาในสหรัฐฯ (8.00 น. วันจันทร์ตามเวลาในประเทศไทย)
ก่อนหน้าการดีเบตครั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องเผชิญกับข่าวฉาวครั้งล่าสุด จากวิดีโอลับที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 ซึ่งทรัมป์ได้พูดในลักษณะลามกหยาบโลนต่อสตรีบนรถบัสก่อนการถ่ายทำรายการทีวีรายการหนึ่ง แล้วถูกอัดไว้ จนก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
เริ่มต้นด้วยประเด็นเทปฉาวของทรัมป์
ช่วงแรกของการดีเบต โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกตั้งคำถามถึงเทปฉาวดังกล่าว ซึ่งเขากล่าวขอโทษและบอกว่าเป็นการพูดหยาบโลนแบบที่วัยรุ่นชายอเมริกันชอบทำกันในห้องแต่งตัวหรือ "ล็อคเกอร์รูม ทอล์ค" และพยายามเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องกลุ่มรัฐอิสลามในตะวันออกกลาง และกรณีอื้อฉาวในอดีตของ บิล คลินตั้น สามีของนางฮิลลารี คลินตั้น ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ขณะที่นางคลินตั้นพยายามชี้ประเด็นเรื่องความไม่เหมาะสมของทรัมป์ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และระบุถึงคำพูดของทรัมป์ในอดีต ในลักษณะดูถูกเพศหญิง และชนกลุ่มน้อย
โดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้กล่าวถึงประเด็นอีเมล์ของนางคลินตั้นจำนวน 33,000 อีเมล์ที่หายไป โดยบอกว่า หากตนได้เป็นประธานาธิบดี ตนจะแต่งตั้งอัยการพิเศษขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้ และว่าหากตนเป็นประธานาธิบดี นางคลินตั้นจะต้องถูกลงโทษจำคุก
ประเด็นภายในประเทศ
ทรัมป์และคลินตั้นโต้กันในเรื่องกฏหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพของประธานาธิบดีโอบาม่า หรือ Obamacare โดยคลินตั้นยอมรับว่ากฏหมายดังกล่าวทำให้ค่าธรรมเนียมประกันสุขภาพสูงขึ้น และค่ายาแพงขึ้นจริง ซึ่งตนจะแก้ไขเรื่องนี้ แต่ทรัมป์ยืนยันว่าตนจะยกเลิกกฏหมาย Obamacare หากได้รับเลือก
ผู้สมัครทั้งสองคนยังได้เสนอความเห็นของตนเรื่องการแต่งตั้งผู้พิพากษาคนใหม่ในคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แทนผู้พิพากษาแอนโทนิน สกาเลีย ผู้เสียชีวิตหลายเดืิอนก่อน
นางคลินตั้นยังได้กล่าวโจมตีโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องไม่เปิดเผยข้อมูลด้านภาษี ซึ่งอาจเป็นเพราะเขาพยายามปกปิดว่าเขาไม่ได้เสียภาษีมาเป็นเวลา 20 ปี ขณะที่ทรัมป์โต้ว่าตนภูมิใจที่รู้กฏเกณฑ์ต่างๆ ทางภาษี ทำให้สามารถหาประโยชน์จากเรื่องนี้เหมือนที่นักธุรกิจหลายคนผู้บริจาคเงินทุนให้นางคลินตั้นก็กระทำแบบเดียวกัน
Your browser doesn’t support HTML5
ประเด็นนโยบายต่างประเทศ
ฮิลลารี คลินตั้น กล่าวว่าจะไม่ส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปในซีเรีย เพราะไม่ใช่นโยบายที่ฉลาดนัก และเธอจะสนับสนุนให้มีการนำรัสเซียและรัฐบาลซีเรียมาลงโทษในฐานะอาชญากรสงคราม ผู้สังหารประชาชนบริสุทธิ์จำนวนมากในซีเรีย โดยเฉพาะในเมือง Aleppo
ส่วนทรัมป์ระบุว่าตนยินดีจะร่วมมือกับรัสเซียและซีเรียเพื่อปราบปรามกลุ่มไอเอสให้ราบคาบ ซึ่งแตกต่างจากที่ผู้ลงสมัครร่วมกับเขา คือผู้ว่าการรัฐอินเดียอะน่า ไมค์ เพนซ์ กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าตนต้องการให้มีการโจมตีเป้าหมายของรัฐบาลซีเรีย
ตลอดการดีเบตครั้งนี้ ทรัมป์ยังพยายามบอกด้วยว่า นโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีโอบาม่าและนางคลินตั้น คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลุ่มรัฐอิสลามขึ้นในตะวันออกกลาง
Your browser doesn’t support HTML5