ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีนี้ สื่อกลายเป็นตัวแสดงหนึ่งบนเวทีการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันตำหนิว่าสื่อเข้าข้างนางฮิลลารี่ คลินตั้น คู่แข่งของเขาจากพรรคเดโมแครต
Tom Rosenstiel จากสถาบัน American Press Institute บอกว่าสื่อกลายเป็นผู้มีบทบาทเด่นในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปีนี้ และสาเหตุหลักประการหนึ่งมาจากโดนัลด์ ทรัมป์
เขากล่าวว่ามหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ รวมถึงพรรครีพับลิกันโดยรวม ทำให้การทำงานของสื่อได้รับความสนใจ หลังจากกลุ่มดังกล่าวบอกว่าสื่อไร้ความสามารถ และตั้งหน้าตั้งตาทำลายฝ่ายตน
Tom Rosenstiel กล่าวว่าระดับการโจมตีสื่อไม่เคยมีความรุนแรงเช่นนี้มาก่อน
ฝ่ายทรัมป์ตำหนิว่าสื่อขาดความเป็นกลาง และฝ่ายของฮิลลารี่คลินตั้นก็ไม่ได้ปราศจากการวิจารณ์สื่อเช่นกัน
ผู้สนับสนุนนางคลินตั้นกล่าวโทษว่า สื่อสร้างความสมดุลในเนื้อหาแบบปลอมๆ ซึ่งอาจหมายความว่า คนเหล่านี้เห็นว่าไม่ควรเปรียบเทียบการไม่พูดความจริงบางเรื่องของนางคลินตั้น ว่ามีน้ำหนักเท่าเทียมกับการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงไปตรงมาของทรัมป์
แต่ Tom Rosenstiel เห็นว่าหากใครไม่พูดความจริง สื่อก็ควรทำงานอย่างเต็มที่เพื่อเปิดเผยความจริง ไม่ว่าความเท็จที่ผู้สมัครเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกกับประชาชน จะมาจากฝ่ายรีพับลิกันหรือเดโมแครต
Dori Toribio นักข่าวประจำกรุงวอชิงตันของสื่อ RTVE ภาษาสเปน เห็นว่าคนทำงานสื่อสารมวลชนที่เธอเห็น ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เธอบอกว่าที่สื่อวิจารณ์โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ใช่เพราะมีอคติกับทรัมป์ แต่สื่อต้องรายงานในสิ่งที่ผู้สมัครพูดในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
นักข่าวจากสื่อสเปนผู้นี้บอกว่า เธอพยามเป็นกลาง แม้ว่าบทบาทนี้จะทำได้ยากเมื่อคำนึงถึงสิ่งที่ทรัมป์เคยพูดถึงผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ และผู้หญิงในช่วงที่ผ่านมา
ส่วน Thomas Burr จากสโมสรของผู้ประกอบอาชีพนักข่าวในสหรัฐฯ National Press Club ที่กรุงวอชิงตันกล่าวว่า งานของนักข่าวที่สำคัญ คือช่วยประชาชนแยกแยะระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องที่ถูกปั้นแต่งขึ้นมา
เขาบอกว่างานนี้เป็นงานที่สำคัญต่อระบอบประชาธิปไตยตรง ที่ว่าสื่อต้องบอกผู้บริโภคข่าวสารว่าอะไรเป็นข้อมูลเท็จ และข้อมูลเหล่านี้ก็คือปัจจัยที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนำไปใช้การตัดสินใจของพวกเขาที่คูหาเลือกตั้ง
Tom Rosenstiel จากสถาบัน American Press Institute บอกส่งท้ายว่า หน้าที่ของสื่อคือการเป็นหูเป็นตาให้กับประชาชน เพื่อดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และมีอะไรอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆ ด้วย
แต่ในที่สุดแล้ว เป็นงานของประชาชนที่ต้องตัดสินใจว่าข่าวสารที่ได้รับทั้งหมดมีความหมายกับพวกเขาอย่างไร
(รายงานโดย Keida Kostreci / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)