ทนายความของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยื่นคำร้องต่อศาลของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ให้มีคำสั่งห้ามสำนักงานสืบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ ตรวจสอบเอกสารที่ยึดมาจากบ้านพักตากอากาศที่ มาร์-อะ-ลาโก (Mar-a-Lago) ในรัฐฟลอริดา จนกว่าจะมีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่พิเศษขึ้นมาทำหน้าที่แยกและคัดกรองเอกสารเหล่านั้นเสียก่อน
เวลานี้ เอฟบีไอกำลังสืบสวนว่า ทรัมป์ทำผิดกฎหมายด้วยการเก็บเอกสารของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เอาไว้กับตัวเองหลังจากพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีไปแล้วหรือไม่
เอฟบีไอ เข้าตรวจค้นบ้านพักของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่ มาร์-อะ-ลาโก เมื่อต้นเดือนนี้ โดยอิงจากหมายค้นที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลกลาง และได้ยึดเอกสารลับกว่าสิบชุด ซึ่งมีบางส่วนระบุว่าเป็น "เอกสารลับสุดยอด" และเชื่อว่ามีสาเหตุที่น่าจะเชื่อว่าอดีตผู้นำสหรัฐฯ อาจละเมิดกฎหมายจารกรรม
ทางด้านทรัมป์ได้ออกมาวิจารณ์การทำงานของเอฟบีไอและกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในเรื่องนี้ ขณะที่ทีมกฎหมายของทรัมป์เรียกการกกระทำนี้ว่า "อุกอาจอย่างน่าตกใจ" พร้อมเรียกร้องให้มีการเปิดเผยเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุของการเข้าค้นครั้งนี้ให้ประชาชนรับรู้ แต่ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า จะเป็นการคุกคามกระบวนการสืบสวนที่กำลังดำเนินอยู่
Your browser doesn’t support HTML5
เมื่อวันจันทร์ สื่อนิวยอร์กไทมส์รายงานว่า เจ้าหน้าที่เอฟบีไอสามารถยึดเอกสารลับต่าง ๆ จากบ้านพักของทรัมป์มาได้มากกว่า 300 ชิ้น ซึ่งรวมถึงเอกสารของเอฟบีไอ ซีไอเอ และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ หรือ เอ็นเอสเอ ด้วย
ทั้งนี้ เอกสาร “ลับสุดยอด” ซึ่งเป็นระดับความลับขั้นสูงสุดนั้น จะเป็นเอกสารที่บันทึกข้อมูลด้านความมั่นคงระดับประเทศ และจะถูกเก็บไว้ในสถานที่พิเศษของทางการสหรัฐฯ เพราะหากหากข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยออกมาอาจเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ
ขณะที่สหรัฐฯ มีการบังคับใช้กฎหมายในการห้ามการจัดการข้อมูลเหล่านี้อย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมอยู่มาก ซึ่งรวมถึงกฎหมายจารกรรม และอดีตปธน.ทรัมป์เองได้เพิ่มโทษที่รุนแรงขึ้นภายใต้กฎหมายดังกล่าวเมื่อครั้งที่ยังดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ โดยระบุให้เป็นความผิดอาญา มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์