ปธน.เกาหลีใต้เดินทางเยือนยูเออี หาลู่ทางขายอาวุธ

From left, South Korean first lady Kim Keon Hee, South Korean President Yoon Suk Yeol and Emirati leader Sheikh Mohammed bin Zayed Al Nahyan attend a ceremony at Qasar Al Watan in Abu Dhabi, United Arab Emirates, Jan. 15, 2023.

ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยูน ซุก ยอล พร้อมภริยา คิม คีออน ฮี เดินทางเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี ในวันอาทิตย์ ท่ามกลางการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากกองทหารและผู้นำยูเอี ที่สนามบินในกรุงอาบูดาบี

การเดินทางเยือนครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่เกาหลีใต้กำลังทำข้อตกลงด้านธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และการส่งกองกำลังพิเศษของเกาหลีใต้ไปประจำการเพื่อช่วยปกป้องยูเออี ซึ่งดูเหมือนผู้นำคนปัจจุบันของเกาหลีใต้ต้องการเพิ่มความสัมพันธ์ทางทหารกับยูเออียิ่งขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดกับอิหร่าน หลังจากเกิดเหตุทหารอิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันของเกาหลีใต้ลำหนึ่งเมื่อปี 2021

จูน ปาร์ค นักวิชาการแห่งสถาบัน Schmidt Futures กล่าวว่า สถานการณ์ด้านภูมิศาสตร์การเมืองในตะวันออกกลางเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเกาหลีใต้จึงต้องการรับประกันว่าความสัมพันธ์กับยูเออีในฐานะพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ยังคงแน่นแฟ้นเช่นเดิม

สื่อยอนฮัปของเกาหลีใต้ รายงานอ้างคำพูดของผู้นำยูเออี ชีค โมฮัมเหม็ด ว่า ยูเออีมีแผนลงทุนมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ในเกาหลีใต้ โดยที่ผ่านมาเกาหลีใต้นำเข้าน้ำมันดิบปริมาณมากจากยูเออี และส่งออกสินค้าหลายอย่างรวมทั้งรถยนต์และวัตถุดิบต่าง ๆ มูลค่ารวมหลายพันล้านดอลลาร์ไปยังประเทศในตะวันออกกลางแห่งนี้

สื่อยอนฮัปรายงานเมื่อวันเสาร์โดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ผู้หนึ่งว่า "บรรยากาศความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงระหว่างเกาหลีใต้และยูเออีเป็นไปอย่างดียิ่ง ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมการค้าขายอาวุธระหว่างสองประเทศ"

เมื่อปีที่แล้ว เกาหลีใต้บรรลุข้อตกลงมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์เพื่อขายระบบป้องกันทางอากาศที่ล้ำสมัย M-SAM ให้แก่ยูเออี ซึ่งจะนำไปใช้ในการสกัดขีปนาวุธในระดับความสูงต่ำกว่า 40 กม. ท่ามกลางความตึงเครียดทางทหารระหว่างยูเออีกับกลุ่มกบฏ ฮูตี ในเยเมน

อย่างไรก็ตาม โครงการใหญ่ที่เกาหลีใต้คาดหวังไว้ คือ การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ บาราคาห์ ในยูเออี มูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะถือเป็นโครงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกที่เกาหลีใต้สร้างในต่างประเทศ โดยจะตั้งอยู่ติดกับชายแดนซาอุดิอาระเบียทางภาคตะวันตกของยูเออี

คาดว่าในอนาคต โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะผลิตไฟฟ้าราว 1 ใน 4 ของพลังงานทั้งหมดที่ยูเออีใช้ และยังถือเป็นส่วนสำคัญในแผนลดปริมาณก๊าซคาร์บอนของยูเออีลงภายในปี 2050 ภายใต้คำมั่นที่ให้ไว้ในการประชุมด้านสิ่งแวดล้อม COP28 ของสหประชาชาติ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่นครดูไบ ด้วย

  • ที่มา: เอพี