กองกำลังทางทะเลในตะวันออกกลาง มีประกาศเตือนไปถึงบรรดาเรือสินค้าที่เดินทางผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ให้หลีกเลี่ยงการผ่านน่านน้ำของอิหร่านเนื่องจากอาจถูกยึดเรือเอาไว้ได้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน
เมื่อต้นปีนี้ มีคำประกาศลักษณะเดียวกันนี้ออกมาไม่นานก่อนที่เรือบรรทุกน้ำมันสองลำจะถูกอิหร่านยึดไปขณะแล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันดิบปริมาณ 20% ของโลก
รายงานชี้ว่า ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าทั้งสองประเทศใหลบ้ทำข้อตกลงยกเลิกการอายัดทรัพย์สินของชาวอิหร่านมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเกาหลีใต้ แลกกับการปล่อยตัวชาวอเมริกันเชื้อสายอิหร่าน 5 คนที่ถูกจับกุมอยู่ในกรุงเตหะราน
เวลานี้ สหรัฐฯ กำลังทบทวนแผนส่งเจ้าหน้าที่ติดอาวุธขึ้นไปประจำบนเรือสินค้าที่จะเดินทางผ่านช่องแคบฮอร์มุซ เพื่อป้องกันการถูกอิหร่านบุกยึด ในช่วงที่อิหร่านกำลังเพิ่มการประจำการของทหาร เครื่องบินและเรือรบ ในบริเวณดังกล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทข่าวกรองเอกชน แอมบรีย์ (Ambrey) รายงานว่า องค์กรตรวจสอบการขนส่งสินค้าทางทะเลที่นำโดยสหภาพยุโรป หรือ European Maritime Awareness in the Strait of Hormuz ได้มีคำเตือนเช่นกันว่าอาจเกิดการโจมตีเรือสินค้าในบริเวณช่องแคบฮอร์มุซในช่วง 12 - 72 ชม. ข้างหน้า
ทั้งนี้ ช่องแคบฮอร์มุซคือพื้นที่ทางทะเลที่อยู่ในการปกครองของอิหร่านและโอมาน โดยส่วนที่แคบที่สุดนั้นมีความกว้างเพียง 33 กิโลเมตร ซึ่งการเกิดอุปสรรคใด ๆ ก็ตามในการขนส่งสินค้าโดยเฉพาะน้ำมันดิบผ่านเส้นทางนี้มักมีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย
ตั้งแต่ปี 2019 เกิดการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในแถบนี้หลายครั้ง โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน รวมทั้งเมื่อเดือนเมษายน เมื่ออิหร่านยึดเรือขนาดใหญ่ที่ใช้บรรทุกน้ำมันของบริษัทเชฟรอน (Chevron Corp) และเรืออีกลำหนึ่งชื่อว่า นิโอวี (Niovi) ในเดือนพฤษภาคม ทำให้สหรัฐฯ ต้องส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Bataan และ USS Carter Hall พร้อมทหารหลายพันคนในประจำการในภูมิภาคดังกล่าว
- ที่มา: เอพี