ภาพถ่ายดาวเทียมที่มีการเผยแพร่ออกมาล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่ฐานทัพอากาศของรัสเซียในแคว้นไครเมียซึ่งถูกโจมตีเมื่อวันก่อน และเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของกองทัพกรุงเคียฟที่ได้รับอาวุธพิสัยไกลชุดใหม่ซึ่งอาจกลายมาเป็นตัวเปลี่ยนเกมในสงครามที่ดำเนินมากว่า 5 เดือนนี้
ภาพดังกล่าวที่บริษัทดาวเทียม Planet Labs เผยแพร่ออกมาในวันพฤหัสบดี ชี้ให้เห็นว่า มีแอ่งธรณี 3 แอ่งที่มีขนาดใกล้ ๆ กันอยู่ตรงจุดที่เป็นอาคารที่เพิ่งถูกยิงโจมตีในบริเวณฐานทัพอากาศ ซากิ ของรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ในแถบชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นไครเมีย โดยมีเศษซากไหม้เกรียมของเครื่องบินรบอย่างน้อย 8 ลำกลาดเกลื่อนอยู่ใกล้ ๆ
ทั้งนี้ รัสเซียปฏิเสธข่าวที่ว่าเครื่องบินรบของตนถูกทำลายและระบุว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นที่ฐานทัพอากาศเมื่อวันอังคารเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ
SEE ALSO: ยูเครนระบุเครื่องบินรบรัสเซีย 9 ลำถูกทำลายในเเคว้นไครเมีย
ขณะเดียวกัน ยูเครนยังไม่ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีที่ว่านี้อย่างเป็นทางการ และไม่ได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดของการโจมตีที่ฐานทัพอากาศนี้ด้วย
มิไคโล โพโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนระบุในข้อความที่ส่งถึงผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ว่า “เราไม่ขอยืนยันหรือปฏิเสธอย่างเป็นทางการ ... สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปได้ในหลายทิศทาง ... ขอให้จำไว้ว่า มีศูนย์กลางของการระเบิดหลายจุดที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันอยู่”
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางทหารของชาติตะวันตกกล่าวว่า ระดับความเสียหายและความแม่นยำของการโจมตีนั้นแสดงให้เห็นว่า เป็นฝีมือของอาวุธโจมตีพลังสูงแบบใหม่
สำหรับสงครามในยูเครนที่เดินหน้าเข้าสู่เดือนที่ 6 นี้ มีการคาดกันว่า จะมีการก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ หลังสถานการณ์การสู้รบระหว่างทั้งสองตกอยู่ในภาวะทรงตัวมาระยะหนึ่ง ภายหลังจากที่กองกำลังยูเครนสามารถผลักดันกองทัพรัสเซียให้ถอยห่างออกจากกรุงเคียฟไปได้เมื่อเดือนมีนาคมและออกจากแถบชานเมืองนครคาร์คิฟได้ในเดือนพฤษภาคม ขณะที่ ฝ่ายรัสเซียสามารถยึดอาณาเขตบางส่วนในภาคตะวันออกของยูเครนมาได้ในเดือนมิถุนายน
กรุงเคียฟเปิดเผยว่า ตนกำลังเตรียมการผลักดันครั้งใหญ่ และการยึดคืนแคว้นเคอร์ซอนและซาปอริห์เชียในภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่หลักที่กองทัพมอสโกเข้ายึดครองไปได้หลังเริ่มรุกรานยูเครนมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ส่งผลให้มีผู้คนเสียชีวิตไปหลายพันคน และทำให้ประชาชนหลายล้านคนต้องลี้ภัยออกจากบ้านเกิด ทั้งยังทำให้เมืองหลายแห่งของยูเครนเสียหายหนักด้วย
- ที่มา: Reuters