วิกฤตการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทำให้วิถีการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสแตกต่างไปจากเดิมในปีนี้ ซึ่งแม้แต่ซานตาคลอส สัญลักษณ์สำคัญของเทศกาลแห่งความสุขนี้ ยังต้องเร่งปรับตัวรับวันเฉลิมฉลองส่งท้ายปลายปีนี้ ตามรายงานของ Associated Press
อย่าง แบร้ด ซิกส์ วัย 61 ปี ซานตาคลอสที่มีประสบการณ์กว่า 35 ปี ในนครไมอามี รัฐฟลอริดา เดิมทีเขาจะสวมแค่ชุดและหมวกซานตาพร้อมปฏิบัติหน้าที่ส่งความสุขให้เด็กๆ ที่ร้านขายของอุปกรณ์ตั้งแคมป์ แต่ปีนี้เขาต้องเพิ่มกระจังป้องกันใบหน้า หรือ face shield และนั่งประจำที่บนเก้าอี้ด้านหลังแผ่นกระจกใสกั้น plexiglass อีกชั้นหนึ่ง
ซานต้าซิกส์ ยอมรับว่า ค่าตัวที่ได้ก็สำคัญ แต่การเติมพลังชาร์จแบตเตอรีชีวิตการทำงานช่วงคริสต์มาสนั้น ต้องอาศัยการได้ใกล้ชิดกับเด็กๆที่รอพบกับซานตาด้วย ซึ่งปีนี้คงไม่ได้มีโอกาสนั้นอย่างแน่นอน
ซานตาในยุคโคโรนาไวรัส ต้องเจอกับความปกติใหม่มากมาย ในการได้พบปะเด็กๆและครอบครัวที่มาเยี่ยมเยือน ซึ่งต้องเลือกระหว่างการพบปะแบบรักษาระยะห่าง และระดับการป้องกันหลายชั้น หรือจะเป็นรูปแบบ Virtual Santa Visit ทางออนไลน์แทน
ปีนี้เด็กๆหลายคนต้องพลาดโอกาสนั่งตักซานต้า และกระซิบบอกว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญคริสต์มาสปีนี้ เพราะธรรมเนียมปฏิบัติเดิม อาจเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อหรือแพร่เชื้อโควิดได้
สตีเฟน อาร์โนลด์ ประธานสมาคม IBRBS หน่วยงานของซานตาระหว่างประเทศ บอกว่า ปีนี้เหล่าซานตาต้องตรวจสอบสภาพร่างกายต่างๆ เช่น อายุมากหรือเปล่า? น้ำหนักเกินหรือไม่? มีเบาหวานหรือโรคหัวใจด้วยหรือไม่?
และในการอบรมเหล่าซานต้าปีนี้ ซานตาคลอสกลุ่มหนึ่ง ต้องฝึกฝนการพบปะกับผู้คนช่วงโควิด ทั้งมาตรการสวมหน้ากาก การอยู่ในที่กลางแจ้ง การรักษาระยะห่างทางสังคมเพื่อความปลอดภัย
ส่วนซานต้าอีกกลุ่มต้องฝึกฝนการเป็นซานตาคลอสบนโลกออนไลน์ ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้คุยกับซานตาแบบออนไลน์ สนนราคา 20-100 ดอลลาร์ต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและกิจกรรมที่ได้ทำร่วมกับซานตาคลอส เช่น บันทึกคลิปพูดคุยกับซานตาเป็นของที่ระลึก และมีซานต้าบางส่วนที่ต้องพักร้อนในเทศกาลนี้ไปด้วยปัจจัยอื่นๆ
มิตช์ อัลเลน หัวหน้าบริษัท HireSanta ที่ดูแลเรื่องการจัดหาจัดจ้างซานตาคลอสที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ บอกว่า ปีนี้ความปลอดภัยของซานต้ามาเป็นอันดับหนึ่ง และการระบาดของโควิด-19 ทำให้ธุรกิจต่างๆได้รับผลกระทบ แต่เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในไม่ช้านี้ โดยเฉพาะธุรกิจรูปแบบออนไลน์
ปกติแล้ว ช่วงเวลานี้ของปีจะเป็น the most wonderful time of the year ของซานตาคลอส ที่ทำรายได้เฉลี่ย 5,000-10,000 ดอลลาร์ต่อเทศกาล ซึ่งถือเป็นโบนัสเล็กๆน้อยๆ ของชายวัยเกษียณที่มีรายได้คงที่ในแต่ละปี แต่ในปีนี้รายได้ของเหล่าซานต้าก็หดหายไปตามปัจจัยเศรษฐกิจและมาตรการต่างๆที่ทำให้งานปาร์ตี้บริษัทและกิจกรรมที่ต้องพึ่งพาซานต้าไปสร้างความบันเทิงในธุรกิจและองค์กรก็เหือดหายตามไปด้วย
แจ็ค ไกรม์ส ซานต้าจากรัฐนอร์ท แคโรไลนา ต้องยุติการพบปะผู้คนตามบ้านอย่างที่เคยทำ ซึ่งเป็นรายได้ราว 1 ใน 3 ของเขา ไม่ใช่เพราะปัญหาด้านสุขภาพอย่างเดียว แต่เพื่อป้องกันตัวเขาจากการเป็นตัวแพร่เชื้อระดับ superspreader โดยไม่ได้ตั้งใจ
ปีนี้ซานต้าไกรม์ส และภรรยา จะเป็นมิสเตอร์และมิสซิสคลอส นั่งรออยู่ในรถเปิดประทุนของเขาที่ลานจอดรถ ให้ผู้คนมาพบปะซานต้าได้ในรูปแบบ Drive-thru แบบห่างๆอย่างปลอดภัย
ส่วนซานต้าคนอื่นๆ ต้องพึ่งพาลูกหลานในการใช้เทคโนโลยีสำหรับ Virtual Visit อย่างซานต้า คริสโตเฟอร์ ซอนเดอร์ส ในรัฐเท็กซัส ที่บอกว่า เป็นความท้าทายมากๆ และเป็นรูปแบบที่แตกต่างจากที่เคยเป็น
พ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกๆพบซานต้าแบบ virtual visit จะต้องกรอกแบบสอบถามเบื้องต้น เพื่อเป็นข้อมูลให้เหล่าซานต้าสามารถสร้างประสบการณ์สุดพิเศษที่แสนประทับใจให้กับเด็กๆได้แบบไม่ต้องเจอตัวกัน และมีเวลาให้มากกว่ารูปแบบการนั่งตักซานต้าตามห้างสรรพสินค้า ที่เด็กๆมีเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่จะได้คุยกับซานต้าในปีนั้นๆ อีกทั้งยังทำให้เหล่าซานต้าได้สัมผัสกับความรู้สึกของเด็กๆ ที่แสนบริสุทธิ์ในช่วงเวลาสำคัญนี้ด้วย
ประสบการณ์นี้คล้ายกับซานต้า จิม ไบเดล จากนครซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน ที่บอกว่า การได้รับรู้เรื่องราวของเด็กๆแต่ละคน เช่น เพื่อนๆ หรือเรื่องราวที่โรงเรียน ช่วยให้ซานต้าสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้พวกเขาได้ดี อีกทั้งยังช่วยลดข้อกังขาของเด็กที่เริ่มโตขึ้น และสงสัยว่าซานตาคลอสไม่มีอยู่จริง
แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ ประสบการณ์ใหม่ของครอบครัวมอร์ริส ในรัฐฟลอริดา ที่ได้พาลูกๆ ธีโอ และโซฟี วัย 5 ขวบ และ 4 ขวบ ไปเจอกับซานต้าซิกส์ เป็นครั้งแรกแบบนิวนอร์มัล โดยหนูน้อยโซฟี บอกผ่านซานต้าซิกส์ผ่านกระจก plexiglass ว่าอยากได้ลูกกวาด ส่วนหนูน้อยธีโอ กลับบอกว่า อยากได้รีโมตรถฟอร์ด มัสแตง
ซึ่งพ่อแม่ของหนูน้อยทั้งสอง มองว่า การพบกับซานต้าปีนี้แม้จะแตกต่างจากที่เคยเป็น แต่ความตื่นเต้นและความสุขของเด็กๆ นั้น ยังคงสำคัญที่สุดเสมอ