รัสเซียระดมโจมตีทางอากาศใส่เมืองท่าโอเดสซา ทางภาคใต้ของยูเครน ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคน บาดเจ็บเกือบ 20 คน และทำลายโบสถ์คริสต์นิกายออร์โธดอกซ์เก่าแก่แห่งหนึ่ง จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเครน
รายงานจากทางการยูเครนระบุว่า เด็กได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งล่าสุด 4 ราย โดยขีปนาวุธของรัสเซียได้ทำลายบ้าน 6 หลัง และอาคารอพาร์ตเมนต์หลายแห่ง รวมทั้งสร้างความเสียหายอย่างหนักให้โบสถ์สปาโซ-พรีโอบาเซนสกี (Spaso-Preobrazhenskyi Cathedral) หรือ โบสถ์แห่งการแปรสภาพ
โบสถ์ดังกล่าวถือเป็นโบสถ์ใหญ่ที่สุดในโอเดสซา ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ที่ถูกจัดเป็นหนึ่งในสถานที่มรดกโลกขององค์การยูเนสโกด้วย
Your browser doesn’t support HTML5
กระทรวงกลาโหมยูเครนแถลงว่า โบสถ์ที่สร้างขึ้นต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 แห่งนี้ถูกทำลายอีกครั้งหลังเคยถูกโจมตีในสมัยของ โจเซฟ สตาลิน อดีตผู้นำสหภาพโซเวียต เมื่อปี 1936 ขณะที่มีการปราบปรามผู้เห็นต่างทางศาสนา และถูกสร้างใหม่อีกครั้งเมื่อปี 1991 เมื่อยูเครนแยกตัวเป็นอิสระจากรัสเซีย
ทางด้านรัสเซียรายงานว่า มีการโจมตีใส่เป้าหมายในเมืองโอเดสซาจริง โดยเน้นโจมตีเป้าหมายทางการทหาร พร้อมปฏิเสธว่ามิได้โจมตีใส่โบสถ์ดังกล่าว แต่โยนความผิดว่าอาจถูกทำลายโดยขีปนาวุธของยูเครนเองที่ใช้ต่อต้านการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา รัสเซียระดมโจมตีใส่เมืองโอเดสซาหลายครั้ง หลังจากถอนตัวออกจากข้อตกลงอนุญาตการขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำ ซึ่งเมืองท่าแห่งนี้ถือเป็นจุดขนส่งธัญพืชลงเรือสินค้าต่าง ๆ ที่เดินทางออกจากยูเครน
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวประณามการโจมตีของรัสเซีย พร้อมสัญญาว่าจะมีการโจมตีตอบโต้ ด้านนายกรัฐมนตรีอิตาลี จอร์เจีย เมโลนี มีแถลงการประณามการโจมตีดังกล่าวเช่นกัน พร้อมเสนอว่าอิตาลีจะช่วยในการฟื้นฟูบูรณะโบสถ์เก่าแก่แห่งนี้
รัสเซียกล่าวว่า การโจมตีเมืองโอเดสซาคือ "การแก้แค้น" ที่ยูเครนโจมตีใส่สะพานไครเมียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
- ที่มา: รอยเตอร์