กองทัพรัสเซียทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่กรุงเคียฟในวันพฤหัสบดี ขณะที่ กองทัพอากาศยูเครนอ้างว่า ฝ่ายตนสามารถยิงขีปนาวุธที่มอสโกส่งเข้ามาตกไปได้ทั้งหมด 31 ลูก
วิตาลี คลิตช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ ระบุในโพสต์ทางแพลตฟอร์มเทเลแกรมว่า เศษชิ้นส่วนของจรวดของรัสเซียตกลงในหลายพื้นที่ของเมืองและอาคารที่อยู่อาศัยหลายแห่งได้รับความเสียหาย ทั้งยังเกิดเหตุไฟไหม้หลายจุดด้วย
คลิตช์โก กล่าวว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งล่าสุดของรัสเซียอย่างน้อย 10 คน
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในวันพฤหัสบดีว่า “เหตุการณ์สร้างความหวาดกลัวเช่นนี้ยังเกิดขึ้นต่อไปทุกวันและทุกคืน” พร้อมเรียกร้องประเทศพันธมิตรทั้งหลายให้เร่งช่วยนำส่งความช่วยเหลือให้ยูเครน โดยเฉพาะในเรื่องการสนับสนุนด้านระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ
Your browser doesn’t support HTML5
เซเลนสกี กล่าวด้วยว่า “ผู้ก่อการร้ายรัสเซียไม่ได้มีขีปนาวุธที่มีความสามารถเหนือ(ระบบต่อต้านขีปนาวุธ)แพทริออตและระบบชั้นนำอื่น ๆ ของโลกเลย” และว่า “การปกป้องที่ว่านี้เป็นสิ่งที่ยูเครนต้องการในเวลานี้ ตั้งแต่กรุงเคียฟไปถึงคาร์คิฟ ซูมี ถึง เคอร์ซอน และโอเดสซา ถึง เขตปกครองดอแนตสก์ นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ หากหุ้นส่วนของเราแสดงความมุ่งมั่นทางการเมืองที่สูงมากพอ”
การโจมตีกรุงเคียฟครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวัน หลังเซเลนสกีให้การต้อนรับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และร่วมหารือประเด็นต่าง ๆ กัน
รายงานข่าวระบุว่า ซัลลิแวนพยายามทำให้ชาวยูเครนมั่นใจว่า สหรัฐฯ จะเดินหน้าสนับสนุนยูเครนต่อไป และแม้ว่าจะมีความล่าช้าในส่วนของสภาคองเกรสอยู่ จะมีการส่งความสนับสนุนมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ให้กับยูเครนให้ได้
ในการแถลงข่าวที่กรุงเคียฟ ซัลลิแวน กล่าวว่า แผนการที่ 1 คือ การผลักดันให้สมาชิกทั้งสองพรรคใหญ่ในสภาคองเกรสลงมติสนับสนุนกฎหมายงบประมาณช่วยเหลือยูเครนให้ได้ โดยแม้จะยอมรับว่า กระบวนการดังกล่าว “ใช้เวลามากเกินไปแล้ว” ก็ยังยืนยันว่า รัฐบาลกรุงวอชิงตันไม่น่าจะต้องหาแผนสองมาดำเนินแผนงานนี้
นอกจากนั้น ซัลลิแวนยังได้พบกับ อันดรีย์ เยอร์มัก หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของประธานาธิบดียูเครน และได้พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ยูเครนต้องการเพื่อใช้ในสนามรบและประเด็นการประชุมสุดยอด 2 งานที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งก็คือ การประชุมสุดยอดนาโต้ ที่กรุงวอชิงตัน ในเดือนกรกฎาคม และการประชุมสุดยอดสันติภาพที่สวิตเซอร์แลนด์ที่ยังไม่มีกำหนดวันที่แน่นอนแต่น่าจะเกิดขึ้นภายในฤดูใบไม้ผลินี้
เยอรมักกล่าวด้วยว่า ในการประชุมสุดยอดสันติภาพนั้น จีนที่เป็นพันธมิตรของรัสเซียสามารถเข้าร่วมได้ แต่ยูเครนจะไม่เชิญรัสเซีย
บรรยากาศแห่งความหวาดกลัว
รายงานฉบับล่าสุดของสำนักงานสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติระบุว่า รัสเซียได้สร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวในพื้นที่ของยูเครนที่ตนควบคุมอยู่แล้ว
SEE ALSO: ปูตินยืนยัน 'สถานการณ์ลำบากที่สุด' ในดินแดนที่รัสเซียควบรวมจากยูเครนรายงานที่อ้างอิงข้อมูลจากการสัมภาษณ์เหยื่อและพยานกว่า 2,300 คนชี้ด้วยว่า กองกำลังของมอสโกได้ประกาศให้มีการใช้ภาษารัสเซียและระบบการปกครองพื้นฐานของรัสเซีย พร้อม ๆ กับการปราบปรามอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของยูเครนด้วย
โวลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า “การกระทำของสหพันธรัฐรัสเซียได้สร้างรอยแตกร้าวในแก่นเนื้อของชุมชนต่าง ๆ และทำให้ปัจเจกบุคคลต้องถูกโดดเดี่ยว และทำให้เกิดผลกระทบที่ฝังลึกและจะคงอยู่ไปอีกนานสำหรับสังคมโดยรวมของยูเครน”
รายงานนี้ยังกล่าวด้วยว่า “เจ้าหน้าที่ที่ทำการควบคุม(อาณาเขตของยูเครน)อยู่ได้ปิดระบบอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายมือถือ โทรทัศน์และสถานีวิทยุของยูเครน และได้เปลี่ยนเส้นทางการเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายของรัสเซียซึ่งทำให้มีการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์และป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างเสรีจากแหล่งข่าวอิสระ ครอบครัวหรือเพื่อน ประชาชนยังถูกเชิญชวนให้รายงานพฤติกรรมของกันและกัน ทำให้มีแต่ความกลัวกันว่า แม้แต่เพื่อนและเพื่อนบ้านของตน(จะหันมาทำร้ายตน)แล้ว”
- ข้อมูลบางส่วนมาจากรอยเตอร์